WHIPLASH: ภายใต้กรอบเนื้อหาของหนังแนว “ครูครับ เราจะสู้เพื่อฝัน” ซึ่งถูกสร้างออกมานับจำนวนไม่ถ้วนและอย่างต่อเนื่อง Whiplash ถือเป็นหนังที่ original มากๆ และนั่นเป็นเรื่องน่าทึ่ง เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ยาก มันเป็นหนังที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ทั้งในความไม่ประนีประนอมกับเนื้อหาที่นำเสนอ การหลบเลี่ยงหลุมพรางของความซ้ำซากจำเจซึ่งนับว่ายากเย็นแสนเข็ญ และเหนืออื่นใด การปลดปล่อยตัวเองจากข้อผูกมัดของการต้องพะเน้าพะนอผู้ชม หรือการนำเสนอตัวเองในฐานะหนังที่หยิบยื่นความรู้สึกดีงาม
แน่นอนว่า-นี่เป็นหนังที่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการฉายในวันครู แต่น่าเชื่อว่าบทบาทคุณครูเฟล็ทเชอร์ของเจ เค.ซิมม่อนส์-จะแทรกตัวเข้ามาเบียดบังพื้นที่ในหน่วยความจำของผู้ชมที่เคยสำรองไว้ให้กับคุณครูชิพส์, คุณครูคีตติ้งและคุณครูฮอลแลนด์ และแอ็คติ้งอันดุเดือดเลือดพล่าน เข้มข้นและจัดจ้านของซิมม่อนส์ก็สมควรอย่างยิ่งสำหรับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขาทางด้านการแสดงของสถาบันทั้งหลายทั้งปวง อันที่จริง มันคงจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากๆหากชื่อของเขาถูกมองข้าม
ทำนองเดียวกัน บทแอนดรูว์ นีแมน เด็กหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันและทะเยอทะยาน รวมทั้งไม่ยอมรับคำตอบปฏิเสธจากใครของไมล์ส เทลเลอร์-ก็ทำให้ระหว่างเฟล็ชเชอร์กับหนุ่มน้อยไม่ได้มีสถานะของการเป็นเพียงแค่ ‘ครู-นักเรียน’ ที่ฝ่ายหนึ่งทั้งบีบคั้นและรีดเค้นทุกหนทาง อีกฝ่ายก็สู้อย่างหัวชนฝาและไม่ยอมแพ้ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ทว่าเป็นได้ถึงคู่ต่อกรที่สมศักดิ์ศรี และการขับเคี่ยวระหว่างตัวละครก็ดำเนินไปอย่างน่าตื่นตา (แม้ว่าวัยวัยวุฒิจะห่างกันสุดกู่ก็ตาม)
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ส่วนที่ชวนให้รู้สึกว่าหนังของเดเมี่ยน ชาเซลล์-สะท้อนความจริงอย่างถึงที่สุดก็ตรงที่มันไม่ได้หลงละเมอเพ้อพกไปกับสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ และผู้ชมถูกย้ำอยู่เรื่อยๆว่า หนทางก้าวเดินสู่ความเป็นเลิศ (ไม่ว่าใครจะไปถึงหรือไม่ตาม) ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือปูไว้ด้วยพรมแดง เหนืออื่นใด การพาตัวเองหลุดพ้นออกมาจากความดาษดื่นรอบข้าง-ก็ไม่ได้เรียกร้องเพียงแค่การอุทิศทุ่มเทอย่างชนิดสองร้อยเปอร์เซนต์ แต่อาจจะถึงกับต้องแลกมาด้วยเลือดจริงๆ
โดย ประงิทย์ แต่งอักษร
สนับสนุน ให้กำลังใจเรา ด้วยการคลิกไลค์เพจสะเด่าส์ได้ง่ายๆ ที่นี่