ClassicFEATURESMovie Features

เปิดประตูสวนสัตว์โบราณสุดสยอง เมื่อเหล่าไดโนเสาร์ออกอาละวาดใน Jurassic World

จากหนังเล็กๆ ทุนสร้างแค่เจ็ดแสนกว่าเหรียญ Safety Not Guarantee ที่ทำรายได้ไปถึงสี่ล้านกว่า ผู้กำกับโคลิน เทรเวอร์โรว์ จะได้เล่นของใหญ่ ที่ใส่มาเต็มๆ ด้วยการทำภาคต่อของหนังไดโนเสาร์คลาสสิค ที่สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับทั้งบ็อกซ์ ออฟฟิศ และกรรมวิธีการสร้างภาพยนตร์ ที่ทุกอย่างจะเยอะขึ้น มากขึ้น กว่าที่เคยเห็นๆ กันมาใน Jurassic World

jurassic world sadaos_story 05

แฟรง มาร์เชลล์

“ถือเป็นวันคลาสสิคเลยนะ สำหรับการได้อยู่ในกองถ่ายวันนี้” ผู้อำนวยการสร้างของหนัง – แฟรง มาร์เชลล์ กล่าว นี่คือผู้อำนวยการสร้างมากประสบการณ์ ที่ผ่านประสบการณ์วันคลาสสิคในกองถ่ายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวันที่แฮร์ริสัน ฟอร์ด เข้าฉากยิงนักดาบอาหรับใน Raiders of the Lost Ark หรือวันที่รถเดอ ลอเรนของไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ และคริสโตเฟอร์ ลอยด์ ย้อนกลับไปสู่อดีตในปี 1955 กระทั่งในวันที่โรเจอร์ แร็บบิท ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกร เขาก็อยู่ด้วย

นั่นคือเหตุการณ์ที่ย้อนไปถึงวันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2014 บรรดาตากล้องกำลังเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำฉากที่ 162 ในห้องทดลองแฮมมอนด์ ครีเอชัน ศูนย์วิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสารพัดของไฮ-เทค ไม่ว่าจะเป็น ถังแช่เย็นขนาดใหญ่, กระดูกสันหลังของสัตว์ที่แช่อยู่่ในของเหลวสีฟ้า ที่มีพรายฟองผุด, เปลือกไข่ที่ถูกกระเทาะออก, ผนังที่ลานตาไปด้วยสีเหลืองอำพันแวววับ แต่ฉากที่จะถ่ายทำกันนั้น จะอยู่ในห้องเล็กๆ ที่อยู่ถัดไป นี่คือห้องแล็บลับของ ดร. เฮนรี วู ผู้ชายที่โปรดปรานของแปลก เขาเก็บสารพัดสรรพสัตว์หายากเอาไว้ในตู้โชว์ ซึ่งมีทั้ง กิ้งก่าสีฟ้าสดใส และงูเผือกสองหัว

ขณะที่บางคนกำลังง่วนอยู่กับกล้องจุลทรรศน์ บางคนก็กำลังถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ป้ายสั่งการแสดงก็ปรากฏขึ้น พร้อมคำว่า “แล็บ ถูกบุก” เขียนเอาไว้ ทันใดนั้นห้องทดลองที่ดูสงบก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แล้วเวโลซิแรพเตอร์ขนาดเท่าตัวจริง ที่ดูมีชีวิตก็ปรากฏตัว โดยมีผู้ควบคุมร่วมกันถึง 3 คน จมูกของมันเชิดขึ้น ทำท่าฟุดฟิด ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็ง ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยเป็นริ้วๆ และฟัน…

“นี่คือบลู” มาร์เชลล์ ยิ้มพร้อมกับแนะนำเจ้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้ “ไม่ต้องกลัว เธอเชื่อง”

jurassic world sadaos_story 12

สตีเวน สปีลเบิร์ก

ย้อนกลับไปในปี 1993 สารพัดนิตยสารเกี่ยวกับภาพยนตร์ พากันหยิบเอาสัตว์โลกล้านปีที่สูญพันธุ์ไปแล้วมาขึ้นปก ขณะที่ผู้ชมทั่วโลกก็ตื่นเต้นบ้าคลั่ง ไปกับฝันร้ายที่เส้นศูนย์สูตรจากฝีมือของสตีเวน สปีลเบิร์ก ที่หยิบเอาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทำให้ไดโนเสาร์ฟื้นคืนชีพ สร้างความเหี้ยมโหดให้เกิดขึ้น แล้วกวาดเงินผู้ชมไปถึงกว่า 900 ล้านเหรียญทั่วโลก กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนับตั้งแต่เรือไททานิคล่มเมื่อ 4 ปีก่อนหน้า

แต่การสานเรื่องราวภาคต่อของ Jurassic Park ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้สปีลเบิร์กจะกลับมาทำ The Lost World และมีภาคต่อตามมาอีกเรื่อง แต่ทั้งสองเรื่องมาพร้อมกับพล็อตที่เพลย์เซฟ และตัวละครที่ไม่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลือดอุ่นหรือเลือดเย็น จนการทำงานต่อจากนั้นสะดุด แต่การระดมสมองอย่างหนักก็ยังไม่ยุติ จนปี 2007ก็มีข่าวว่า Jurassic Park 4 ได้ราชาหนังอินดี – จอห์น เซย์เลสมาเขียนบท โดยจะพาไปพบกับแร็พเตอร์ที่ถูกฝึกมาอย่างดี โดยกองทัพ และการใช้ยา จากนั้นโปรเจ็คท์หนังเรื่องนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ แต่ไอเดียที่คิดจะทำมันขึ้นมาอีกยังอยู่ งานถูกส่งต่อไปยังริค จาฟฟาและอแมนดา ซิลเวอร์ ผู้เขียนบท Rise of the Planet of the Apes ครั้งนี้นี่เองที่โคลิน เทรเวอร์โรว์ ถูกเลือกมากำกับ Jurassic World

“ผมรู้สึกแบบ… ‘ผมรู้ว่าจะทำหนัง Jurassic Park ออกมายังไง’” ผู้กำกับวัย 38 ปีกล่าว ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในช่วงพักกอง “ผมได้รับโทรศัพท์จากแฟรงค์ มาร์เชลล์ จากนั้นก็บินไปคุยกับสปีลเบิร์กอีกราวๆ 2 ชั่วโมง” ที่น่าทึ่งก็คือ นี่คืองานหนังใหญ่ชิ้นที่สองของเทรเวอร์โรว์ ขณะที่งานชิ้นแรกก็คือหนังทุนต่ำ Safety Not Guarantee ที่ว่าด้วยการเดินทางข้ามเวลาของเสมียนร้ายขายของชำ ซึ่งสปีลเบิร์กได้ชม และแน่นอน – ชอบ! “ผมอยู่ที่เวอร์มอนท์ และทำตัวห่างๆ จากธุรกิจนี้ ผมเชื่อว่างานของผมจะเป็นคนพูดเพื่อตัวมันเอง และในที่สุด สำหรับกรณีนี้ มันใช่”

jurassic world sadaos_story 09

โคลิน เทรเวอร์โรว์

เทรเวอร์โรว์เป็นแฟนเดนตายของ Jurassic Park หนแรกที่เขาได้ชม ก็คือคืนหนึ่งในวันพฤหัสของปี 1993 หลังดอดพ่อ-แม่หนีออกจากบ้านได้สำเร็จ “ผมเอาหมอนซุกไว้ใต้ผ้าห่ม ทำแบบในการ์ตูนนั่นแหละ แล้วก็เข็นรถลงมาจากเนิน” เพราะฉะนั้นคงพอมองออกถึงความตื่นเต้นของเขา ขณะที่ผู้อำนวยการสร้างของหนังทั้งสามภาคยื่นบทล่าสุดให้ เขานั่งลงแล้วอ่านมัน พลิกไปทีละหน้าๆ แล้วก็กล่าวขอบคุณ

“เป็นเรื่องโคตรยากที่จะปฏิเสธอย่างที่คุณคิด” เขาเล่าถึงวันนั้น “แต่ผมรู้ตัวว่าไม่สามารถทำหนังแบบนั้นได้ เลยบอกไปว่า ‘ผมรู้สึกเป็นเกียรติ แต่ถ้าเรากำลังจะทำหนังเรื่องนี้ หมายความว่า เราอยากทำหนังที่แตกต่าง แล้วยังใช้ชื่อว่า Jurassic Park 4 มากกว่า”

แล้วเทรเวอร์โรว์ก็สร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา โดยมีคอนเส็ปท์ก่อนหน้า 2-3 อย่างที่เขายังเก็บเอาไว้ หนึ่งคือของเซย์เลส ที่ให้แร็พเตอร์ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ “ไดโนเสาร์นักล่า ยอมก้มหัวให้เจ้าพ่อยา? ผมคงไม่ไปเล่นเรื่องนั้น” เขาเล่า “แต่ผมจะย้อนทุกอย่างกลับไป และทำหนังที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของคนกับสัตว์ร้าย เป็นเรื่องแบบในรายการ Animal Planet ซึ่งทำให้เราได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ไปไหนมาไหนกับสิงโต ผมชอบอะไรแบบนั้น แล้วก็เปลี่ยนสิงโตมาเป็นแร็พเตอร์ มันเป็นไอเดียที่เจ๋งดี ผมเห็นภาพฉากแรกที่เป็นแรพเตอร์กำลังขย้ำหมูเป็นๆ ขึ้นมาในทันทีเลยนะ”

jurassic world sadaos_story 13ไอเดียเจ๋งๆ อย่างอื่น มาจากตัวสปีลเบิร์กโดยตรง จะเป็นยังไงถ้าความฝันของจอห์น แฮมมอนด์ กลายมาเป็นสวนสนุกไดโนเสาร์เต็มรูปแบบขึ้นมาจริงๆ? นักท่องเที่ยวเป็นพันๆ คนมารวมตัวกันในดิสนีย์แลนด์ฉบับโหด ถ่ายภาพไทรเซอร์ราท็อปขึ้นอินสตาแกรม หรือทวีตข้อความเกี่ยวกับที-เร็กซ์ มันเป็นคอนเส็ปท์ที่เยี่ยมยอด แต่เดิมพันก็สูง หากก็เป็นหนทางที่ฉลาด ถ้าต้องการพาหนังให้ไปต่อได้

เทรเวอร์โรว์ ได้ เดเร็ค คอนนอลลี มาเป็นคู่หูในการเขียนบท “เราทำตัวเหมือนไดโนเสาร์ แล้วก็แกล้งคนที่มาให้บริการเราตกใจ” เขาพูดถึงมุขสนุกๆ ที่เล่นกันกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนเล่าต่อถึงความคิดที่มีอยู่ ในตอนที่มาจับงานนี้ “ผมส่งอีเมลไปหาสตีเวน เป็นหนึ่งในอีเมลที่ผมระมัดระวังการใช้คำที่สุด เท่าที่ผมเคยเขียน เพื่ออธิบายทุกๆ เหตุผลว่า ทำไมเราต้องเปลี่ยนชื่อหนังจาก Jurassic Park 4 มาเป็น Jurassic World ซึ่งเหมือนกับการเปลี่ยนวัตถุดิบในอาหารจานโปรดของบางคน แต่ผมอยากให้คนรู้ว่า หนังเรื่องนี้จะมาเต็ม จัดใหญ่ และแตกต่าง”

สถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวในจูราสสิค เวิร์ลด์ต้องเจอ ก็คือ ศูนย์นักท่องเที่ยว ยอดเป็นพิระมิดสูงราวๆ 80 ฟุต ซึ่งแรงดลใจในการออกแบบ จากคำบอกเล่าของ แพ็ท ครอว์ลีย์ ผู้อำนวยการสร้างก็คือ “อาบู ดาบีมาพบกับฟิจิ” นี่คือพิพิธภัณฑ์ไฮเทค ที่เพียงแค่กดปุ่มภาพโฮโลแกรมของไดโนเสาร์เท่าตัวจริงก็จะปรากฏขึ้น เด็กๆ สามารถขุดหาฟอสซิลได้จากลานขุด แล้วยังมีการประกวดงานศิลปะ ที่หากสังเกตดีๆ จะมีภาพสีเทียนภาพหนึ่งที่เขียนโดย ดังเต สปีลเบิร์ก ลูกชายของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แล้วที่คุ้นเหลือเกินสำหรับคนที่ได้ชมหนังต้นฉบับ ตุ๊กตามิสเตอร์ ดีเอ็นเอจากร้านกิฟท์ช็อป

jurassic world sadaos_story 14ทุกอย่างในฉากนี้ดูจะมีมากเกินพอแล้ว แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ บันไดวนที่ทอดยาวไปหารถรางเดี่ยว ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวทั้งหลายไปยังจุดหมายตามที่ต้องการ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์, โชว์ของไทโรซอรา แล้วก็ยังมีห้างสรรพสินค้า ที่ใช้ระบายของจากเกาะอิสลา นูบลาร์ชื่อ บรูคสโตน เจ้าของสินค้าน่าทึ่งที่เว็บไซต์ของหนังบอกรายละเอียดเอาไว้ เช่น ที่นวดหลังจากเขาไทเซอราท็อป และหมวกเดินป่าของจอห์น แฮมมอนด์ พร้อมลายเซ็น

ทุกอย่างดูดี และน่าจะไปได้สวย แต่จำคำพูดของเอียน มัลคอล์ม ตัวละครคนโปรดของหลายๆ คน ที่เป็นเจ้าทฤษฎีแห่งความโกลาหล เอ่ยออกมาได้หรือเปล่า “ตะ ตะ ตอนนี้ คุณก็กะจะเปิดทัวร์ชมเอ่อ… ไดโนเสาร์ของคุณใช่ไหม?”

สัตว์ต่างๆ ใน Jurassic World ทั้งเยอะและกระหายหิว “มีไดโนเสาร์มากกว่าที่คุณเคยเห็นในหนังเรื่องก่อนๆ” ครอว์ลีย์ย้ำ มีสัตว์บินได้คล้ายๆ นกแก้วที่น่ากลัวอย่าง ไดมอร์โฟดอน และสัตว์น้ำขนาดยักษ์ ที่เรียกว่า โมซาซอรัส ซึ่งอาศัยอยู่ในสวนน้ำ ฟาดฉลามขาวเป็นอาหาร (ตามความคิดของสปีลเบิร์ก)

BD Wong Jurassic World1

ดีบี หว่อง รับบท ดร. วู

แต่สัตว์ที่มี ก็ยังไม่สะใจบรรดานักท่องเที่ยว และทำให้เกิดงานด้านมืดในห้องทดลองของดร. วู ด้วยการนำยีนไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ทั้งที่มีและไม่มีตัวตนมารวมกัน เพื่อสร้างไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ สเตโกเซราท็อป ที่ทีมงานของไอแอลเอ็มเผยชื่อมาให้ได้รู้ แต่ตัวแสบรายสำคัญก็คือ อินโดไมนัส เร็กซ์ เครื่องจักรสังหารที่แตกต่างไปจากที่เคยมีมาก่อนบนโลกใบนี้ ตัวใหญ่กว่า ที-เร็กซ์ ตาสีแดง มีความสามารถอันร้ายกาจ และเป็นตัวละครที่ทำให้ จูราสสิค เวิร์ลด์ ต้องจบเห่

“มันโตมาในคอก ไม่มีพ่อ-แม่ และพี่-น้อง ไม่เคยเห็นโลกภายนอกกำแพงที่มันโตมา” เทรเวอร์โรว์ที่ใช้สารคดีวาฬออก้า Blackfish ที่ชม มาเป็นแรงบันดาลใจ กล่าว “สัตว์พวกนั้น เป็นสัตว์ลูกผสมอยู่แล้ว และเกษตรกรคนไหนก็ได้จะบอกกับคุณว่า มันโคตรคลั่งเลย!” Jurassic Park ไม่มีไดโนเสาร์ที่คุณสามารถฆ่ามันได้ พวกมันคือฮีโร แต่กับเรื่องนี้ มันคือสัตว์สังเคราะห์ที่หลุดออกมา และฆ่าเพราะเป็นนักฆ่า ทำให้ตัวละครมนุษย์ต้องทำอะไรที่คุกคามมันบ้างละ นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น”

“ผมถูกผสมอิออน (Ionishing)” คริส แพรทท์ พูดถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า อิออน ทอร์เรนท์ (Ion Torrent) “สิ่งที่คุณทำก็คือ เอาสารเคมีใส่ไว้ด้านหนึ่ง แล้วก็น้ำอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็ผสมกัน…” คริส แพรทท์เล่า ก่อนที่ไบรซ์ ดัลลาส โฮเวิร์ดจะเข้ามาคุยเรื่องที่หนักไปทางกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เรื่องนี้ต่อ

jurassic world sadaos_story 01

คริส แพรทท์

“กระบวนการผสมอิออน ก็คือการใส่อิเล็ตรอนลงไปในของเหลว ซึ่งจะเปลี่ยนมันเป็น เอ่อ…. นี่มีใครรู้บ้าง? บอกมาซิ – แก๊ส ซึ่งจะถูกนำไปทดสอบ และแยกอิออน เพื่อนำกลับไปเป็นของเหลว” ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นจริง? “พูดตรงๆ เลยนะ ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นจริง” แพรทท์ตอบ พร้อมกับทำหน้าตาย “ผมไม่รู้นะ ผมก็แค่มองไปที่ อิออน ทอร์เรนท์ แล้วก็คิดว่าน่าจะสร้างอะไรขึ้นมาบ้าง”

“ขอบคุณพระเจ้า ที่คุณอัดเสียงคำพูดเมื่อกี้ไว้” โฮเวิร์ดพูดด้วยท่าทีเริงร่า

แพรทท์ รับบทเป็นโอเวน กราดี ครูฝึกสัตว์ ที่ต้องมารับงานฝึกแร็พเตอร์ทั้งสี่ตัวของสวนสัตว์ดึกดำบรรรพ์แห่งนี้ ที่ประกอบด้วย บลู (หัวหน้าฝูง), ชาร์ลี (ตัวที่เด็กที่สุด และคล่องแคล่วที่สุด), เดลตา (ที่มีส่วนผสมของดีเอ็นเอนก) และ เอ็คโค (ซึ่งมีแผลเป็น และทีมของอินเจน ผู้ให้กำเนิดมันในเรื่องเรียกว่า เอลวิส) แพรทท์ต้องเข้ากองนานถึง 70 วัน ซึ่งช่วงหนึ่งต้องไปปักหลังกันที่ฮาวาย เขาเผยว่า ตัวละครที่เขาเล่น คือ “หมาป่าเดียวดาย ที่มีมอเตอร์ไซค์เท่ๆ เขาไม่ดื่มเบียร์ แต่ถ้าดื่มเขาจะเลือก ดอส อีควิส (Dos Equis)”

jurassic world sadaos_story 08

ไบรซ์ ดัลลาส โฮเวิร์ด

ส่วนโฮเวิร์ด บทของเธอคือ แคลร์ เดียริง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติงานของสวนสัตว์ และเป็นน้าของเด็กสองคน ที่เป็นภาระสำคัญในหนัง เกรย์ (ไท ซิมป์คิน) และแซค (นิค โรบินสัน) ในตัวอย่างเราจะเห็นเธอในชุดสีขาว แต่กับการถ่ายทำในวันนี้ ชุดของเธอแทบจะกลายเป็นสีน้ำตาล มีโคลนกระเซ็นใส่ไปทั่ว ซึ่งย้ำว่าฉาก “แล็บ ถูกบุก” เป็นการถ่ายทำฉากท้ายๆ ของหนังแล้ว “จริงๆ เธอน่าจะใส่ชุดสีดำนะ” โฮเวิร์ดพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อไดโนเสาร์หลุดออกมา”

ไม่มีนักแสดงนำคนไหนที่เป็นคนแปลกหน้า สำหรับหนังที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษ และทุกคนก็รู้ดีว่าจะต้องเล่นหนัง Jurassic Park ซึ่งทำให้ต้องออกท่า-ออกทางกับสิ่งที่มองไม่เห็น อย่างเช่น ฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับเทราโนดอน “นั่นเทราโนดอน… มันบินมาแล้ว… ระวังไดโนเสาร์ยักษ์จากสระ… กินมันให้หมดเลย… พระเจ้า… นี่มันโคตรคลั่งเลย”

jurassic world sadaos_story 06

สองดารานำกับผู้กำกับ

ทั้งคู่ต่างประทับใจกับหนังต้นฉบับ โฮเวิร์ดจำได้ถึงกระทั่งว่า ถูกแนะนำให้ชมหนังเรื่องนี้จากเพื่อนในค่ายหน้าร้อน ที่ชื่อ แอนดี มิลเลอร์ ซึ่งต่างเข้ากันได้เหมาะเจาะกับตัวผู้กำกับ ทำให้ Jurassic World มีอารมณ์แบบงานถวิลหาอดีต มีการรำลึกถึงนักแสดงอย่าง เซอร์ริชาร์ด แอทเทนโบโรก์ห ด้วยการสร้างรูปปั้นจอห์น แฮมมอนด์ ซึ่งเป็นตัวละครที่เขาเล่นในหนังชุดนี้ ไว้ในเรื่อง และทีมงานคนสำคัญในส่วนของเทคนิคพิเศษ สแตน วินสตันที่ชอบกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ก็กลายเป็นชื่อร้านสเต็ค วินสตัน ในหนัง เทรเวอร์โรว์ยังแสดงความเคารพฉากไทรเซราท็อปใน Jurassic Park ด้วยการใช้หุ่นของวินสตัน และไปถ่ายทำกันในสถานที่เดิม “เราอยู่กลางทุ่งในคาวาอิ และลูกชายวัยห้าขวบของผมก็เดินไปให้หญ้ากับเธอ มันงดงามมากๆ ในฐานะของพ่อ และในความเป็นผู้กำกับ มัน… ‘ว้าว… มันใช้ได้ มันเจ๋งจริงๆ’”

เรายังกลับไปถ่ายทำในสถานที่เดิมๆ อีกแห่ง “ตอนเด็กๆ หลงอยู่ในป่า” เขากล่าว “พวกเขาไปเจออะไรที่ดูเหมือนวัด แล้วก็เปิดประตูเข้าไป” มันคือศูนย์นักท่องเที่ยวของหนังภาคแรก ที่แร็พเตอร์กับที-เร็กซ์ พะบู๊กัน ซึ่งตอนนี้เวลาก็ผันผ่านไปถึง 22 ปีแล้ว แต่แผ่นป้ายที่ว่า “When Dinosaurs Ruled The Earth” ก็ยังคงอยู่บนพื้น แต่เลอะไปด้วยโคลนดิน

“นี่คือหัวใจที่อบอุ่นของหนังเรื่องนี้” ผู้กำกับย้ำ ก่อนจะหันไปมองหัวกระโหลกของที-เร็กซ์ด้วยความนับถือ “ถ้าคุณไม่มากับเราตอนนี้ เราก็อาจจะไม่มีคุณ”

Jurassic_Park_T_Rex_Wallpaper_by_keeperxiiiย้อนกลับไปที่ฉาก ‘แล็บ ถูกบุก’ อีกครั้ง ทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับการถ่ายทำ บลู แร็พเตอร์ที่เป็นมิตรปรากฏตัวขึ้น เพื่อให้นักแสดงมีจุดอ้างอิง แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยนักแสดงโม-แค็ป ที่สวมชุดแนบเนื้อสีเทา และสวมหมวกที่เป็นหัวแร็พเตอร์ การแสดงของเขาจะเป็นประโยชน์สำหรับตากล้อง แล้วก็เป็นทีมงานของไอแอลเอ็ม ที่จะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของเขา ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด หรือกวาดตัวไปมา ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสายตาของฟิล ทิปเป็ทท์ ที่ทำงานด้านการเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ในหนังภาคแรก และกลายมาเป็นที่ปรึกษาด้านไดโนเสาร์ในหนังภาคนี้ “ผมถูกลดงาน” เขาบ่นแบบขำๆ “แฟนๆ คิดว่าผมทำงานได้เห่ยมาก” งานที่เขาทำในครั้งนี้ จะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง เทคนิคแบบโบราณกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย “ระดับของเทคโนโลยีที่เราใช้ในหนังเรื่องนี้ ไม่เคยมีการทำกันมาก่อนเลยใน Jurassic Park” เกล็น แม็คอินทอช ที่ดูแลงานด้านแอนิชันเผย “หนังเรื่องสุดท้ายก็ย้อนไปถึงปี 2001 โน่น ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับโลกของเทคนิคพิเศษ”

รายละเอียดสำหรับการทำงานตรงนี้ เป็นเรื่องซับซ้อน และพ่อมดทั้งหลายของไอแอลเอ็ม ก็ต้องทำในสิ่งที่เป็นการทะลุขีดจำกัดเดิมๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็น การขยับของพื้นผิว และ การหายใจทางผิวหนัง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าทึ่ง “เราสามารถสร้างงานที่แสนมหัศจรรย์ออกมาได้” เทรเวอร์โรว์ กล่าวด้วยเสียงมีความสุข “ฉากใหญ่ฉากสุดท้ายมันจะยาวราวๆ นาทีครึ่ง มันจะมีฉากที่น่าตื่นเต้นที่เกี่ยวข้องกับอินโดไมนัส และเครนขนาดยักษ์

jurassic world sadaos_story 11ส่วนฉากต่อสู้ฉากใหญ่ฉากสุดท้าย มันจะบ้ามากๆ สตีเวนส่งอีเมลมาให้ผม แล้วบอกว่า ‘ผมได้แนวคิดด้านภาพใหม่’ และมีฟุตเตจจากไอโฟน ที่เขาถ่ายหมาสองตัวในสนามหญ้า คำรามและกระโจนใส่กัน เราใช้มัน และตอนนี้ผมก็มีหนังส่วนตัวของสตีเวน สปีลเบิร์กเก็บไว้ด้วย”

ยังมีอีกอย่างที่หนัง Jurassic   Park ต้องมี นั่นคือฉากที่ “แร็พเตอร์จู่โจมมนุษย์”

“กระตุกหาง!” เทรเวอร์โรว์ ตะโกน “ก้มลง ถอยหลัง โจมตี!” บลูที่ในชุดแนบเนื้อสีเทาที่ดูไม่เชื่อง ตามติดเหยื่อของเธออย่างไม่รามือ “ทีนี้ก็จัดการให้ถึงเลือดกันเลย” นักแสดงที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน ส่งเสียงร้องดังโหยหวน เลือดถูกพ่นออกมาจนกระจายไปทั่ว ผู้กำกับผงกศรีษะด้วยความพอใจ

“ผมคิดว่าบางคนที่ห่วงว่า เรากำลังจะทำให้เจ้าแร็พเตอร์ มันดูหน่อมแหน้มน่าจะพอใจ” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่จะขอตัวไปพัก ฉากสยองเมื่อครู่ถูกผ้าถูพื้นเช็ดอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

และครั้งนี้น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี สำหรับหนังไดโนเสาร์คลาสสิคในดวงใจของใครหลายๆ คน

เปิดประตูสวนสัตว์โบราณสุดสยอง เมื่อเหล่าไดโนเสาร์ออกอาละวาดใน Jurassic World โดย ฉัตรเกล้า จาก นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1185 ปักษ์แรกมิถุนายน 2558

สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Classic

Comments are closed.