กว่าจะเป็น POLTERGEIST เรื่องสยองของครอบครัวในบ้านจัดสรร

“ผมโตมาด้วยร้านวิดีโอ” กิล เคนาน ผู้กำกับของหนัง Poltergeist ฉบับสร้างใหม่ กล่าว “ตอนเด็กๆ พ่อแม่มักจะเลือกหนังที่เป็นตัวเลือกแย่ๆ ให้ผมดูอยู่เรื่อย แต่ผมก็เด็กเกินกว่าจะดู Poltergeist ในโรงนะ เพราะงั้นผมเลยมีประสบการณ์สุดพิเศษกับการเอาม้วนวิดีโอเทปหนังเรื่องนี้ใส่เข้าไปในเครื่อง แล้วเปิดดูในห้องนั่งเล่น ซึ่งโคตรจะโป๊ะเช๊ะกับเรื่องราวในจอเลย มันทำเอาผมอกสั่นขวัญหาย บ้านที่ผมอยู่ในตอนนั้น มันเหมือนบ้านของพวกฟรีลิงในเรื่องสุดๆ”

กับสิ่งที่สร้างความพรั่นพรึงที่ใครๆ ก็จำได้ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาตัวตลก หรือต้นไม้กินคน รวมไปถึงการแสดงที่ชาญฉลาด (อย่าง การกลิ้งตัวไปกับผนังของโจเบ็ธ วิลเลียมส์) และความยอดเยี่ยมของเทคนิคพิเศษ ทั้งเอ็ฟเฟ็คท์หน้ากล้องและหลังกล้อง ระดับเข้าชิงออสการ์ ทำให้ Poltergeist ยังคงเป็นหนังหลอนๆ ที่ได้รับการกล่าวถึงมาจนทุกวันนี้

หนังที่กำกับโดย โทบี ฮูเปอร์ มีสตีเวน สปีลเบิร์กอำนวยการสร้างและร่วมเขียนบทเรื่องนี้ ออกฉายในเดือนมิถุนายนปี 1982 หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าที่หนังขวัญใจเด็กๆ ของสปีลเบิร์กอย่าง E.T. the Extra-Terrestrial จะออกฉาย หนังสานต่อความสำเร็จได้อีก 2 ภาค จนมาถึงวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี หนังที่มีคำโปรยหลอนๆ อย่าง “พวกมัน…. กลับ…. มา….” ก็กลับมาจริงๆ

“เอ็มจีเอ็มติดต่อไปทางโกสท์ เฮาส์ พิคเจอร์ส และถามว่า ‘พวกคุณคิดว่าจะพัฒนาหนังเรื่อง Poltergeist กันได้ไหม?’” แซม ไรมี ผู้อำนวยการสร้างของหนังฉบับนี้เล่า เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหนังสยองขวัญเลย เพราะนี่คือผู้กำกับของ Evil Dead (ต้นฉบับ) และ Drag Me to Hell แถมยังอำนวยการสร้างหนังผีๆ อีกเพียบผ่านโกสท์ เฮาส์ พิคเจอร์ส เช่น 30 Days of Nights, the Grudge ไรมียอมรับว่าเขากังวลใจไม่น้อยกับการนำเรื่องราวของ Poltergeist ให้กับผู้ชมอีกครั้ง ซึ่งเขามอบให้ เดวิด ลินด์เซย์-อแบร์ จาก Oz the Great and Powerful เป็นคนจัดการเรื่องบท

“เขาเริ่มด้วยฉากเด็ดๆ ที่จะทำให้หนังมีความร่วมสมัยมากขึ้น” ไรมี เผย “เขาเขียนตัวละครที่ส่งผลกระทบทางอารมณ์กับพวกเรา และสะท้อนให้เห็นปัญหาที่หลายๆ ครอบครัวต้องเผชิญในทุกวันนี้ เปรียบเทียบกับเมื่อ 33 ปีก่อน” และผู้กำกับเคนานก็เสริมเข้ามา “การทำหนังเรื่องนี้ ผมก็ต้องระวังเหมือนๆ กับแซมนั่นแหละ โดยเฉพาะกับหนังภาคแรกที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวมากๆ ครั้งแรกที่ผมอ่านบทของเดวิดจบ ผมก็รู้ซึ้งถึงประสบการณ์เปลี่ยนสภาพ จากการเป็นเรื่องราวที่แข็งๆ มันเริ่มกลายเป็นเรื่องที่มีอารมณ์ และความเป็นมนุษย์ มันเป็นอะไรที่กระทบใจ”

กับงานเปิดตัว Monster House ที่เต็มไปด้วยการสร้างภาพจากซีจีไอที่น่าพรั่นพรึง และความอบอุ่นแบบประหลาดๆ เคนานรู้ดีว่าหนัง Poltergeist ของเขา น่าจะ “สร้างหรือแตกสลาย” บนความแข็งแกร่งของครอบครัวโบเวน ที่ไม่ต่างไปจากครอบครัวฟรีลิงของหนังต้นฉบับ ที่ถูกจู่โจมโดยพลังที่มุ่งร้าย ซึ่งแทรกซึมเข้ามาในบ้านของพวกเขา “นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่าง” เคนานพูดขึ้น ก่อนจะเล่าต่อถึงการค้นหานักแสดง “แซม ร็อคเวลล์ และโรสแมรี เดอวิทท์ คือชื่อแรกๆ และพอได้พวกเขามา ผมก็สูดหายใจได้เต็มปอดอย่างผ่อนคลาย เพราะอย่างน้อยที่สุด ศูนย์กลางของครอบครัวนี้ น่าจะถูกนำทางโดยการแสดงที่เยี่ยมยอด”
เมื่อได้เดอวิทท์และร็อคเวลล์ มาเล่นเป็นแม่และพ่อ เคนานเลือกแซ็กซอน ชาร์บิโน (I Spit on Your Grave), ไคล์ แคทเล็ทท์ (The Young and Prodigious T.S. Spivet) กับ เคนเนดี คลีเมนท์ส มาเป็นทายาทระทึกขวัญของพวกเขา โดยคลีเมนท์จะรับบทในแบบเดียวกับเครอล แอนน์ ลูกสาวคนเล็กของบ้านในหนังต้นฉบับ ซึ่งเป็นแม่เหล็กเรียกผีของครอบครัวโบเวนในเวอร์ชันนี้

ลืมเรื่องของการปกป้องนักแสดงเด็กๆ จากด้านมืดของหนังสยองไปซะ เพราะจะไม่มีการยื่นมือไปช่วยพวกเขาในกองถ่ายของหนัง ที่ปักหลังกันที่โทรอนโท “คุณต้องทำให้พวกเขากลัว” เคนานพูดถึงการพยายามทำให้ใบหน้านักแสดงซีดเผือด “คุณต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเข้าใจว่า สามารถไว้ใจคุณได้ อยู่กับคุณพวกเขาจะปลอดภัย แต่ภายในความรู้สึกแบบนั้น มันต้องมีบางอย่างที่เข้าไปถึงบางส่วนในจิตใจของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความกลัว คุณไม่สามารถแสดงอาการกลัวแบบหลอกๆ ได้หรอก พวกเขาต้องกลัวจริงๆ”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานนี้ จะมีตัวช่วยจากสารพัดเอ็ฟเฟ็คท์ที่ทำกันสดๆ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ตุ๊กตาตัวตลกสุดหลอน “มีเอ็ฟเฟ็คท์หน้ากล้องเยอะมาก มากกว่าที่เราเคยคิดว่าเรากำลังจะใช้มันซะอีก” เคนานเผย “เราโชคดีมากๆ ที่ได้ตัวบรรดาเซียนทำเทคนิคพิเศษแบบโบราณมาอยู่ในทีม มีนักเชิดหุ่นแบบเก่าที่บอกผมว่าฉากตุ๊กตาตัวตลกน่าจะทำสดๆ หน้ากล้องได้ยังไง” และถ้าองค์ประกอบบางอย่างที่เห็นในหนังอาจจะดูคุ้นเคย นั่นคือความตั้งใจ “เป็นความเข้าใจตรงกันว่า ถ้าเราจะสร้างหนัง Poltergeist มันก็ต้องมีองค์ประกอบเด็ดๆ จากหนังต้นฉบับ ที่เราต้องแสดงความนับถือออกมา” เคนานย้ำ “แล้วที่เกิดขึ้นก็คือ องค์ประกอบเหล่านั้นได้เห็นกันไปแล้วในตัวอย่าง!” ไรมีพูดเสริม “เราพยายามจะเข้าถึงทุกเหตุการณ์ที่คนดูต้องการ แต่ไม่ใช่ว่า เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดได้ว่าจะออกมายังไง”

ผลลัพธ์ของหนังก็คือ ความสมดุลย์ของความน่าหวาดกลัว และความอบอุ่นแบบแปลกๆ เหมือนที่หนังภาคแรกมี “มันเป็นเรื่องของความรัก ที่เอาชนะได้ทุกอย่างได้ในที่สุด แต่มันก็มีความตึงเครียด และน่ากลัว” ไรมี เล่า ก่อนที่เคนานจะแสดงท่าทางเห็นด้วย “มันน่ากลัวจริงๆ เราตั้งใจทำให้มันออกมาสยองสุดๆ”

จากเรื่อง POLTERGEIST เรื่องสยองของครอบครัวในบ้านจัดสรร โดย ฉัตรเกล้า นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1188 ปักษ์หลังกรกฎาคม 2558

สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่