By Sadaos
อัลบั้มมากมายหลายชุด ไม่ใช่งานที่ใช้เวลาทำงานกันเพียงไม่กี่วัน-คืน แล้วกับยุคนี้ยุคที่วงการเพลงมาเร็ว ไปไว การที่ศิลปินสักราย วงดนตรีสักวง ทิ้งช่วงการออกอัลบั้มเป็นสิบปี ก็ยิ่งทำให้มีโอกาสถูกลืมมากขึ้น เมื่อ 25 กันยายนที่ผ่านมา วงร็อคอเมริกันที่ชื่อ โน เดาบท์ ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 6 ของตัวเองออกมา คงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ หากอัลบั้ม Push and Shove จะไม่ทิ้งห่างจากอัลบั้มชุดก่อนของพวกเขา Rock Steady ถึง 10 ปี และจะไม่เปิดตัวด้วยการบินสูงขึ้นถึงอันดับ 3 ในชาร์ทอัลบั้มขายดีของบิลล์บอร์ด กับยอดขายถึงแสนกว่าก็อปปี้
โน เดาบท์เป็นวงดนตรี 4 ชีวิต ที่ประกอบด้วย เกวน สเตฟานี นักร้องนำสาว โทนี คานัล มือเบส แอเดรียน ยัง มือกลอง และ ทอม ดูมอนท์ มือกีตาร์ ซึ่งตั้งวงกันมาตั้งแต่ปี 1986 ก่อนจะมาแจ้งเกิดทั่วโลกในปี 1995 กับอัลบั้ม Tragic Comic ที่มีเพลงฮิตอย่าง Just a Girl และ Don’t Speak จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นวงร็อคระดับหัวแถวของโลก หลังออกอัลบั้มชุดที่ 5 Rock Steady พวกเขาก็หายหน้าไปจากวงการ มีเพียงเกวน สเตฟานี ที่มีอัลบั้มเดี่ยว 2 ชุด ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาทำอัลบั้ม Push and Shove ออกมาในปีนี้
“พวกเรารู้ว่ามันจะต้องสำเร็จออกมาได้สักวัน” โทนี คานัล มือเบสของวงกล่าว “แต่ก็มีช่วงที่ขาดความชัดเจนตอนที่มันจะเป็นรูปเป็นร่าง และพอผ่านตรงนั้นมาได้ เราก็รู้สึกว่า ‘เฮ้อ… เราผ่านมันมาได้แล้วนี่ใช่ไหม?’”
ความคิดที่จะทำอัลบั้มใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเกวน สเตฟานี่นักร้องนำของวงกำลังออกทัวร์สนับสนุนอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 ของเธอ The Sweet Escape ในเดือนมิถุนายนระหว่างช่วงอองกอร์ในโชว์ของเธอที่เออร์ไวน์, แคลิฟอร์เนีย สมาชิกคนอื่นๆ ของโน เดาบท์ ขึ้นไปร่วมแสดงกับเธอบนเวทีถึง 4 เพลง ซึ่งก็มีเพลงฮิตอย่าง Just a Girl และ Hella Good รวมอยู่ด้วย ขณะที่ปฏิกริยาจากคนดูก็น่าทึ่ง ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี “การตอบสนองของคนดูเยี่ยมเอามากๆ เราเลยพูดกันว่า ‘เราต้องเริ่มทำงานกันแล้วล่ะ’” คานัล อธิบาย
หลังจากการแสดงที่ว่า โน เดาบท์ก็เริ่มแต่งเพลงใหม่ แต่สเตฟานียังล้าจากการออกทัวร์ ย่ิงไปกว่านั้นก็คือ เธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ทางวงเองก็เจอทางตันในการเขียนเพลง การทำงานเลยต้องพักไปชั่วคราวในปี 2008 “เรารู้ว่าเมื่อไหร่มันใช่ และตอนไหนที่มันไม่ใช่” คานัล เล่า “เราต้องมีอารมณ์อยากทำงานอีกครั้ง”
จนเดือนพฤศจิกายน 2009 ทุกอย่างมาเข้าที่เข้าทางอีกรอบ เริ่มจากการกลับมาออกทัวร์ร่วมกันอีกหน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คานัลบอกว่าตอนนั้นทางวงเริ่มลังเลว่าจะออกทัวร์กันต่อ โดยเล่นเพลงเก่าๆ กัน หรือว่าจะเข้าห้องอัด นั่งเขียนเพลง ทำงานชุดใหม่กันดี ซึ่งนั่นคือหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของวง
ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจทำอัลบั้มใหม่ และ Undercover ก็คือเพลงแรกที่เสร็จออกมา แต่การทำงานก็ยังช้าเป็นเต่าคลานตลอดปี 2010 เนื่องจากสเตฟานีกลายเป็นแม่ลูกสอง ที่ต้องใช้เวลาเลี้ยงลูก มีเวลาให้การทำงานเพียงช่วงบ่าย แค่ 3 วันต่อสัปดาห์ “เราสั่งอาหารมากิน แล้วก็ใช้เวลาชั่วโมงแรกหมดไปกับการคุยเรื่องชีวิตแล้วก็เด็กๆ” คานัล เล่า ” ในวงเรา มีลูกๆ รวมกัน 9 คน แต่การทำอัลบั้มมันเหมือน…’มาสนุกกันอีกเถอะ’”
ต้นปี 2012 ทางวงใช้เวลาทั้งหมด 5 เดือนไปกับการทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ สไปค์ สเตนท์ (ที่เคยทำงานกับ โอเอซิส, มาดอนนา และโคลด์เพลย์) อย่างบ้าคลั่ง บางเพลงต้องรื้อมาแต่งใหม่ บางเพลงก็คัดออก อย่าง Back in Love ก็เกือบจะได้อยู่ในอัลบั้ม จนสมาชิกในวงรู้สึกว่าท่อนคอรัสช่วงอินโทรมันน่าเกลียด ผลลัพธ์ก็คือเพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำสนุกๆ ที่ชื่อ Looking Hot ในอัลบั้ม
ตอนงานใกล้เสร็จ สเตฟานีเสนอว่า น่าจะมีเพลงบัลลาดสักเพลง แล้วพวกเขาก็แต่งเพลง Undone ซึ่งเกือบจะใช้ได้อยู่แล้ว แต่ “เกวนไปพักผ่อนกับครอบครัวที่อังกฤษ แล้วส่งอีเมล์มาหาผม ‘ฉันคิดว่ามีอะไรบางอย่างกับเพลงนี้นะ’ เราก็เลยต้องกลับมาทำเพลงนี้กันใหม่” คานัล เล่า
ในอัลบั้ม Push and Shove ความรักในเสียงเพลงเร็กเก้ และดนตรีเต้นรำของพวกเขายังไม่หายไปไหน เห็นได้จากเพลงเปิดตัว Settle Down และเพลงที่เป็นชื่อชุด “เราอยากให้เพลงฟังดูทันสมัย แต่ก็ยังมีอิทธิพลของสกา, เร็กเก้ และเพลงจากวงฝั่งอังกฤษในยุค 80” คานัลเผย “ไม่มีทางที่จะหนีจากสิ่งที่เราเป็นได้ เพลงอย่าง Heaven คือการคารวะวงอย่าง โอเอ็มดี เดเพชี โหมด และเดอะ เคียวร์ ซึ่งเป็นที่เรารักจะอ้างถึง”
แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างไปจากเดิมก็คือ Push and Shove ไม่มีเพลงที่เหลือทิ้งไว้ “ในอดีตเราจะแต่งเพลงกันสัก 20 เพลง แต่หนนี้ เรามีเวลาจำกัดมาก เพราะฉะนั้นไม่มีงานเหลือๆ แน่ๆ” คานัล ยืนยัน
และนั่นก็คือการกลับมาของวงดนตรีจากยุค 90 อีกวง ที่ยังไม่หายไปไหน และไม่เอาท์ไปตามวัย และกาลเวลา
จากเรื่อง กว่าจะเป็น Push and Shove อัลบั้มแรกในรอบ 10 ปีของโน เดาบท์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 11 ตุลาคม 2555
What is your reaction?
