นับตั้งแต่มาชมการแสดงคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคัลที่มหิดลสิทธาคาร ในมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายานั้น ยังไม่ได้มีโอกาสชมการแสดงเดี่ยวของนักดนตรีชาวไทยกันเลย และกับสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการแสดงของนักดนตรีชาวไทย ในแบบการแสดงเดี่ยวร่วมกับวงออร์เคสตรา นั่นก็คือ สิทธิชัย เพ็งเจริญ หัวหน้าวงไทยแลนด์ ฟิลฮาร์โมนิค ออร์เคสตรา และมือไวโอลินของวง ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในมือไวโอลินที่ดีที่สุดของบ้านเรา
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะการแสดงในสุดสัปดาห์นี้ ตกวันเสาร์ที่ 14 ที่เป็นวันวาเลนไทน์พอดีด้วยหรือเปล่า ทำให้การแสดงนั้นเป็นการแสดงเดี่ยวคู่กันระหว่างมือไวโอลิน – สิทธิชัย กับมือเปียโน – รอล์ฟ ดีเตอร์ อาเรนส์ และมีคล็อด วิลลาเรท์ เป็นผู้ควบคุมวง
สำหรับ รอล์ฟ ดีเตอร์ อาเรนส์ เป็นมือเปียโน ชาวเยอรมัน ที่เรียนเปียโนมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เคยเป็นมือเดี่ยวเปียโนประจำวงเบอร์ลิน ซิมโฟนิี ออร์เคสตรา และเป็นศาสตราจารย์ทางด้านเปียโนของสถาบันดนตรี ลิสทซ์ ซึ่งเป็นสถาบันดนตรีที่มีความเกี่ยวพันย้อนไปถึงมือเปียโนฟรานซ์ ลิสทซ์ จากศตวรรษที่ 18 ขณะที่วิลลาเรท์ก็เป็นวาทยากรชาวสวิส ที่เคยทำงานร่วมกับวงออร์เคสตราที่ได้มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบอร์ลิน ฟิลฮาร์โมนิเกอร์ หรือลอนดอน ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า
กับการแสดงเดี่ยวคู่กันของสองชนิดเครื่องดนตรี ถ้ามองแบบไม่มีนัยยะว่าใช้ไวโอลิน และเปียโน แทนความสัมพันธ์ของคนสองคนในวันแห่งความรัก โอกาสนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษ ที่จะได้เห็นการแสดงเดี่ยวคู่กัน ของเครื่องดนตรี 2 ชนิด ที่เท่าที่ดูๆ แล้วก็ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
การแสดงนั้นแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะเป็นการแสดงของวงออร์เคสตรา ร่วมกับสองนักดนตรีที่ว่ามาข้างต้น โดยนำเอาเพลง Concerto for Violin, Piano and Orchestra in D Minor ที่ประพันธ์โดย เฟลิกซ์ เมนเดลส์โซห์น มาบรรเลง โดยก่อนหน้านั้น วงไทยแลนด์ ฟิลฮาร์มอนิคฯ และวิลลาเรท์ เปิดการแสดงด้วย Don Giovanni in D Minor งานประพันธ์ของโมซาร์ท ที่ใช้ประกอบอุปรากรเรื่อง Don Giovanni ที่แม้จะเริ่มต้นด้วยความตื่นเต้น ดนตรีออกมาในโทนหม่นมืด แต่ในตอนท้ายก็คลี่คลายไปสู่ความรื่นรมย์ ซึ่งหากไม่มองไปถึงเรื่องราวของอุปรากรที่เพลงนี้ถูกใช้ ก็ถือว่าเหมาะสมเข้ากันดี กับวันวาเลนไทน์ปีนี้ เพราะต่อเนื่องมาจากวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งไม่ใช่วันดีของคริสต์ศาสนิกชนสักเท่าไหร่ เหมือนๆ กับการเริ่มต้นที่น่าพรั่นพรึงแล้วก็มารับด้วยวันที่สดใส แล้วก็ยังเปรียบเทียบได้กับความรัก ที่ก่อนจะได้พบรักนั้น ดูจะน่าตื่นเต้น ลังเล ที่บางครั้งพาลไปถึงปริวิตกด้วยซ้ำไป ก่อนที่เมื่อได้รักกันแล้ว ทุกอย่างก็ดูสวยงาม มีความสุขไปหมดยังไงยังงั้น
แล้วก็มาถึงเพลงต่อมา Concerto for Violin, Piano and Orchestra in D Minor ที่เป็นการแสดงเดี่ยวคู่กันของไวโอลิน – สิทธิชัย และเปียโน – รอล์ฟ ซึ่งทั้งคู่นั้น แสดงรับส่ง-กันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเปียโนของรอล์ฟนั้น แม้จะมีช่วงที่ฉายความโดดเด่นเช่นเดียวกับไวโอลินของสิทธิชัย แต่โดยความรู้สึกที่สัมผัสได้ ดูเหมือนว่าลักษณะการเล่นจะเป็นการส่งการแสดงของไวโอลินซะส่วนใหญ่ และหากเคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน หรือหาฉบับอื่นๆ มาฟังเทียบ จะรู้สึกว่า ฉบับที่ได้ยินในวันนี้ จะฟังนุ่มนวลมากกว่า
โดยหลังจากแสดงเพลงหลักจบลง ทั้งคู่กลับมาอีกครั้งในช่วงอองกอร์ กับการแสดงเดี่ยวคู่กัน โดยไม่มีวงออร์เคสตราเล่นสนับสนุน ซึ่งทำให้สัมผัสของการแสดงที่ว่า เปียโนของรอล์ฟ จะเล่นเป็นพื้นฐาน หรือแบ็คกราวนด์ให้กับไวโอลินของสิทธิชัยนั้นมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจัดว่าเป็นการเล่นที่สอดประสานกันได้อย่างกลมกลืน ไม่ใช่แข่งกันโดดเด่น หรือเป็นการปะทะกันทางดนตรีที่ร้อนแรง ที่ไม่น่าจะเหมาะกับเป็นการแสดงในวันวาเลนไทน์แน่ๆ
ในช่วงที่ 2 จะเป็นการนำเอา Symhony No. 5 ของเบโธเฟน มาเล่น ซึ่งในสัปดาห์ก่อนหน้านี้นั้นเป็นการแสดงเพลงของเบโธเฟนมาแล้วครั้งหนึ่ง เลยขอยกไปเล่ารวบยอด แยกกันเป็นอีกตอนไปเลยดีกว่า
จากเรื่อง ฟังดนตรีคลาสสิคัล รับวันแห่งความรัก ที่มหิดลสิทธาคาร โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่