คิดถึงวิทยา
โดย ประวิทย์ แต่งอักษร
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=289671061183978&set=a.104326393051780.11403.100004232590256&type=1&theater
“คิดถึงวิทยา” เป็นหนัง ‘โรแมนติก’ ในแบบที่ไม่ได้หมายความถึงเรื่องราวความรักของชายหนุ่มหญิงสาว ซึ่งอันที่จริง เนื้อหาส่วนหนึ่งของหนังก็นำเสนอความโรแมนติกในแง่มุมแบบนั้น แต่ความโรแมนติกในที่นี้หมายถึงการพาผู้ชมหลบลี้หนีจากโลกของความเป็นจริง ไปสู่โลกแห่งจินตนาการ และความเพ้อฝันอันแสนห่างไกล มันเป็นโลกที่สามัญสำนึกบอกกับเราว่ามันเป็นไปไม่ได้ เกินเลยความเป็นจริงไปมาก หรือแม้กระทั่งไม่มีอยู่จริง
ความท้าทายประการหนึ่งที่หนังเรื่อง “คิดถึงวิทยา” ของนิธิวัฒน์ ธราธร ต้องเผชิญ-ก็คือการทำให้ผู้ชมเชื่อและยอมรับ หรือแม้กระทั่งเกิดศรัทธาในจินตภาพที่ไม่มีอยู่จริง (ข้อมูลที่ระบุว่าหนังเรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงความจริง-เป็นอะไรที่ยึดถืออย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้เลย) และก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เวทย์มนต์คาถาทางด้านภาพและเสียง ตลอดจนองค์ประกอบอื่นๆของหนังเรื่อง “คิดถึงวิทยา” สามารถสะกดให้ผู้ชมเคลิบเคลิ้มและตกอยู่ในภวังค์ได้อย่างสนิทแนบแน่น นับตั้งแต่ฉากหลังที่งดงาม โอบล้อมไว้ด้วยความสงบรมรื่นทางธรรมชาติ และต้องกดไลค์รัวๆ ให้กับคนที่เสาะแสวงหาโลเกชั่น, งานกำกับภาพที่ ‘ขับเน้น’ ความงดงามเหล่านั้นให้เขยิบเข้ามาใกล้การรับรู้ของผู้ชมมากขึ้น และมันแทบจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นจริงๆ, งานลำดับภาพ (และรวมถึงบทหนัง) ที่พาผู้ชมกลับไปมาระหว่างกาลเวลา และพร้อมๆกับข้อมูลและสถานการณ์ที่เข้มข้นมากขึ้น ความผูกพันของผู้ชมต่อตัวละคร (ที่ตกหลุมรักกันโดยไม่เคยเห็นหน้าค่าตา) ก็งอกเงย, ดนตรีประกอบและรวมถึงเพลงเอกที่ทำให้บรรยากาศของดูหนังเรื่องนี้เหมือนกับการเดินทางที่ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินและรื่นรมย์ และในหลายช่วงเวลา ผู้ชมก็แทบจะถลำเข้าไปใน ‘ห้วงอารมณ์แห่งความรัก’ อย่างไม่อาจถอนตัว
และแน่นอน นักแสดงหลักของเรื่องผู้ซึ่งไม่เพียงเป็นหนุ่มหล่อและสาวสวย ‘เกินไปสำหรับความเป็นไปได้ในโลกของความเป็นจริง’ พวกเขายังมาพร้อมกับอุดมการณ์ของความเสียสละอันน่ายกย่องชื่นชม แม้ว่ารายละเอียดในส่วนของบทหนังจะพยายามลดทอน ‘ความเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง’ ของทั้งสองคน ด้วยการให้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์มนา (อาทิ การบอกว่าครูสาวเป็นคนที่มีอุปนิสัยดื้อรั้นและชอบเอาชนะ หรือเหตุผลที่นำพาให้ครูหนุ่มเนรเทศตัวเองมาสอนหนังสือริมเขื่อน ห่างไกลจากสัญญาณสามจีอย่างร้ายแรง-ก็เพราะถูกแฟนทิ้ง) แต่มันก็ยังเป็นน้ำหนักที่เบาหวิวอยู่นั่นเอง
หรืออันที่จริง ความมีเสน่ห์ดึงดูด-ต้องรวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆและโดยเฉพาะเด็กๆนักเรียนในเรื่องที่ทั้งอารมณ์ดี แก่นแก้ว น่ารักน่าชัง และไม่เคยทำตัวเป็นปัญหาให้คุณครูต้องปวดเศียรเวียนเกล้า
พูดง่ายๆ ว่า ภายใต้กรอบของความเป็นหนังโรแมนติก (คอมมิดี) “คิดถึงวิทยา” เป็นหนังดังที่กล่าวข้างต้น มีองค์ประกอบและส่วนผสมที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ชมลอยละลิ่วไปในโลกแห่งความเพ้อฝันได้อย่างลืมเนื้อลืมตัว
แต่ก็อีกนั่นแหละ ยิ่งหนังพาตัวเองเตลิดหายไปในโลกของจินตนาการมากเพียงใด มันก็เพิกเฉยหรือแสดงออกถึงการไม่รับรู้ต่อการดำรงอยู่ของโลกของความเป็นจริงมากขึ้นเพียงนั้น และนั่นเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะมันกระทบต่อความหนักแน่นและความมีแก่นสารสาระของหนังเยอะทีเดียว จริงๆแล้ว หนังมีฉากที่พูดถึงปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของชาวบ้านอยู่เหมือนกัน หรือปัญหาความเจริญขั้นพื้นฐานที่เข้าไปไม่ถึง แต่มันก็ผิวเผิน ฉาบฉวย และปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดายเหมือนโจทย์สมการพีชคณิตบนกระดานดำ ทำนองเดียวกัน ปมขัดแย้งในเรื่องปรัชญาการสอนหนังสือของครูแอนกับระบบที่คร่ำครึโบราณ (และออกจะงี่เง่า) ที่เธอต้องเผชิญ-ก็ได้รับการสะสางอย่างชนิดผ่านเลย มันเหมือนถูกมองข้ามหรือไม่ใช่สาระสำคัญ หรือเอาเข้าจริงๆ นางเอกก็กลับยอมศิโรราบด้วยซ้ำ
ว่าไปแล้ว ผลลัพธ์จากการที่หนังหลงลืมการดำรงอยู่ของความเป็นจริงอย่างชนิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ และนั่นรวมถึงปัญหาพื้นฐานต่างๆนานาของผู้คน (ซึ่งว่าไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่หนัง ‘rom-com’ พูดไม่ได้) มันก็นำพาให้ “คิดถึงวิทยา” กลายเป็นหนังที่มองเห็นความเป็นไปในชีวิตด้วยสายตาที่พร่ามัว หรือแม้กระทั่งเลอะเลือน และสถานะหรือคุณค่าของตัวหนัง-ก็พลอยถูกจำกัดหรือลดทอนให้หลงเหลือเพียงแค่หนังเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ หนังเพื่อความบันเทิงเริงรมย์ หนังที่ผู้ชมไม่ต้องถือสาหาความ หนังที่ไม่ได้ช่วยให้ผู้ชมมองเห็นหรือเข้าใจในสังคมที่เราใช้ชีวิตซักเท่าใด
จริงๆแล้ว อย่างที่รู้กันว่า-จีทีเอชเป็นบริษัทหนังที่เชื่อถือได้มากที่สุดบริษัทหนึ่งในเรื่องของฝีไม้ลายมือการทำหนัง และคุณค่าในทางหัตถศิลป์และประณีตศิลป์ หรืองาน craft ก็ไม่เคยออกมาในแบบสุกเอาเผากิน แต่การจำกัด หรือตีกรอบ หรือแสดงตนว่าถนัดในการทำหนังฟีลกูด โลกสวยเพียงลำพัง (หรืออาจจะสลับกับหนังสยองขวัญบ้าง-เขย่าขวัญบ้าง) มันก็ไม่แตกต่างจากการหยิบยื่นยาเม็ดสีฟ้าให้กับผู้ชม
จริงอยู่ที่สรรพคุณของมันอาจจะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย แต่อย่างที่นักดูหนังรับรู้เป็นอย่างดีว่า ในโลกของเมทริกซ์ มันมีแต่ความหลอกลวง