
แม็ค ‘ดร. จอห์น’ เรเบนแน็ค มือนักร้อง, นักแต่งเพลง และมือเปียโนเก้านิ้ว รวมไปถึงนักดนตรีห้องอัดที่รู้จักกันดีจากเพลงฮิตท็อปเทนเมื่อปี 1973 “Right Place, Wrong Time” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 77 ปี ตลอดการทำงานกว่า 6 ทศวรรษ ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานดนตรี เรเบนแน็ค ยังเป็นทูตวูดูของเครสเซนท์ ซิตีอย่างไม่เป็นทางการ และเริ่มการทำงานในยุค 60 ด้วยการทำให้บูกี-วูกีซาวนด์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ของความเชื่อนี้มีความทันสมัยเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายกว่าเดิม
เรเบนแน็คจากไปหลังจากเกิดหัวใจวายอย่างรุนแรงเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน
เขาเกิดเมื่อ 21 พฤศจิกายน 1941 ที่นิว ออร์ลีนส์ และเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรี เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เริ่มเล่นก็คือเปียโนของครอบครัว พอโตขึ้นก็หันมาจับกีตาร์ที่เป็นเครื่องดนตรีหลักในช่วงแรกๆ ของการทำงานดนตรี โดยแรงบันดาลใจและอาจารย์คนสำคัญก็คือ วอลเตอร์ ‘ราปูนส์’ เนลสัน มือกีตาร์ของแฟ็ทส์ โดมิโน นอกจากนี้ในช่วงวัยรุ่นพ่อยังแนะนำเขาให้กับ คอซิโม มาทาสเซ เจ้าของสตูดิโอ เจแอนด์เอ็ม มิวสิค แหล่งกำเนิดงานเพลงอาร์แอนด์บีฮิตๆ ของโดมิโน รวมไปถึงศิลปินท้องถิ่นหลายต่อหลายราย และเมื่อออกจากโรงเรียนตอนเกรด 11 เรเบนแน็คก็หันมาเป็นมือกีตาร์รับจ้างที่เจแอนด์เอ็ม และการทำงานที่นี่ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับมือคีย์บอร์ดส์ชื่อดังของเมืองอย่าง โปรเฟสเซอร์ ลองแฮร์ และเจมส์ บุคเคอร์ ที่สอนเขาเล่นออร์แกน และต่อมาก็กลายเป็นนักดนตรีในวงของเขา
คืนก่อนวันคริสต์มาสเมื่อปี 1961 การเดินสายออกทัวร์มาหยุดที่แจ็คสันวิลล์, ฟลอริดา เรเบนแน็คไปมีเรื่องกับเจ้าของโรงแรมจนถูกยิงเข้าที่มือ การรักษาที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ทำให้เขาหันไปเล่นเบส และตามด้วยคีย์บอร์ดส์แทน แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องเจอกับความตกต่ำอย่างหนัก เมื่อแวดวงดนตรีนิว ออร์ลีนส์ซบเซา แถมถูกจับติดคุกสองปีจากการมีเฮโรอีนในครอบครอง พอพ้นโทษในปี 1965 เรเบนแน็คเดินทางมาที่ลอส แองเจลีส ซึี่งกลุ่มนักดนตรี-โปรดิวเซอร์-มือเรียบเรียงจากนิว ออร์ลีนส์มาตั้งทีมนักดนตรีห้องอัดกัน ทำให้เขาได้ทำงานกับวงอย่าง Canned Heat, the Mothers of Invention และ Sonny & Cher รวมทั้งทำให้เขาได้เติมเต็มเรื่องราวทางดนตรีที่คอนเส็ปท์มาจากประวัติศาสตร์ของนิว ออร์ลีนส์ยุค 1840 และ 1850 เมื่อหนึ่งในหมอท้องถิ่นที่หาตัวจับยากของเมืองและเป็นที่รู้จักดีชื่อว่า ดร. จอห์น
พอว่างเว้นจากการทำงานให้กับศิลปิน เขากับฮาร์โรลด์ แบททิสเตก็ใช้เวลาทำ Gris-Gris อัลบัมที่เพลงหยั่งลึกไปถึงเรื่องความเชื่อแบบวูดู ซึ่งออกกับแอตโค สังกัดย่อยของแอทแลนติค เรคอร์ดส์ แม้จะล้มเหลวบนชาร์ทเพลง แต่ก็เป็นการเปิดตัวการแสดงสดที่หลุดโลก ที่มีลักษณะเฉพาะตัวของเรเบนแน็คในฐานะ ดร. จอห์น พวกเขามีอัลบัมอีกสามชุด ที่เป็นงานในสไตล์เดียวกัน Babylon (1969), Remedies (1970) และ The Sun Moon and Herbs (1971) ทำให้ภาพลักษณ์ของดร. จอห์นหยั่งรากลึกยิ่งขึ้น โดยงานชุดหลังสุดมี เอริค แคล็ปทันและมิค แจ็กเกอร์ เป็นแขกรับเชิญอีกด้วย แต่อัลบัม Gumbo ในปี 1972 เขาหันไปทำเพลงที่มีที่มาจากรากดนตรีนิวออร์ลีนส์ และสามารถขึ้นไปถึงอันดับ 112 ในชาร์ท แล้วกับอัลบัม In the Right Place ในปี 1973 ดร. จอห์นก็พบกับความสำเร็จเมื่อขึ้นไปถึงอันดับที่ 24 และมีซิงเกิลติดท็อปเทน “Right Place Wrong Time” แต่งานชุดต่อมา Desitively Bonnaroo กลับสานต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่งานเหล่านี้ ก็ได้ชื่อว่าแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ทางดนตรีของนิว ออร์ลีนส์
ดร. จอห์นส์สยายปีกเข้ามาในโลกที่เป็นป็อปมากขึ้นด้วยอัลบัม In a Sentimental Mood ในปี 1989 ซึ่งทำให้ได้รับรางวัลแกรมมีตัวแรกจาก 6 ตัว ด้วยเพลง “Makin’ Whoopee” ที่ร้องคู่กับริคกี ลี โจนส์ แต่หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปสู่โลกของดนตรีแจ๊ซซ์ เมื่อร่วมงานกับมือแซ็กโซโฟน – เดวิด ‘แฟ็ทเฮด’ นิวแมนและมือกลอง อาร์ท แบลคีย์ ทำงานที่แสดงความเคารพต่อ ดุค เอลลิงตัน และหลุยส์อาร์มสตรอง แต่ดนตรีอาร์แอนด์บีแบบนิว ออร์ลีนส์ ยังคงถูกวางเป็นสไตล์ดนตรีหลักของเขา
ด้วยผลงานที่ส่งอิทธิพลต่อนักดนตรี และศิลปินรุ่นหลัง รวมไปถึงวงการเพลงมากมาย ดร. จอห์นได้รับการจารึกชื่อในหอประกาศเกียรติคุณร็อคแอนด์โรลล์ เมื่อปี 2011
ซึ่งผลงานและเรื่องราวของเขายังคงได้รับการรำลึกถึงตลอดไป
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ดร. จอห์น ตำนานเจ้าของฉายาสถาปนิกเสียงดนตรีแห่งนิว ออร์ลีนส์ ซาวนด์ผู้จากไป คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 12 มิถุนายน 2562