เปิดเรื่องด้วยคำถามทำนองที่ว่า เราควรเชื่อใจใครสักคนจากอะไร “ท่าทาง หรือว่าคำพูด” และตลอดความยาว 8 ตอนของมินิซีรีส์เรื่องนี้ ที่กำกับโดย ฮิวโก แบล็ค และเป็นผลงานการสร้างของบีบีซี ก็เต็มไปด้วยสถานการณ์ที่ตัวละครในเรื่องจะต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้รับรู้จากกันและกัน ผ่านทั้งท่าทาง การกระทำ และคำพูด ซึ่งคนดูเองก็จะต้องกรองต่ออีกทีว่า จะเชื่อในสิ่งที่หนังและบทบาทต่างๆ ที่ตัวละครแสดงออกมาได้หรือเปล่า หรือเป็นเรื่องที่พวกเขาหลอกกกันและกัน แล้วก็มาหลอกล่อเอากับผู้ชมอีกที
ทำให้หนังสายลับ-การเมือง ที่แทรกเรื่องซับซ้อน ดรามาว่าด้วยความสัมพันธ์ของผู้คนเอาไว้ข้างในเรื่องนี้ กลายเป็นหนังนิ่งๆ ที่ดูสนุก ด้วยสถานการณ์ที่หักมุม พลิกผัน มากไปด้วยแผนการณ์ซับซ้อน และเล่ห์เหลี่ยม ในแบบที่ความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวละคร และการกระทำ เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
แล้วก็ปิดจบด้วยคำตอบที่ชัดเจนว่า เพราะอะไรทำไม เหตุการณ์ในตะวันออกกลาง หรือแยกย่อยลงไปว่า ความขัดแย้งระหว่างยิวกับปาเลสไตน์ ทำไมถึงไม่มีวันจบสิ้น ปิดฉากลงเสียที
เนสซา สไตน์ นักธุรกิจหญิงชาวอิสราเอล น้องสาวของเอฟฟรา สไตน์ ขึ้นมาบริหารบริษัทสไตน์กรุ๊ป หลังพี่ชายลงจากเก้าอี้เมื่อ 7-8 ปีก่อน และเธอกำลังดำเนินโครงการใหญ่ เดินสายไฟเบอร์ออพติคจากดินแดนอิสราเอลเข้าไปในเขตเวสท์แบงค์ เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ท แต่ขณะที่ทุกอย่างเหมือนจะราบลื่น ผู้บริหารบริษัทคู่สัญญา ที่เป็นบริษัทปาเลสไตน์กลับฆ่าตัวตายแบบมีเงื่อนงำ ทำให้บริษัทสไตน์ต้องหาคู่สัญญาใหม่ เพื่อดำเนินงานต่อตามแผน ด้วยความตั้งใจที่จะให้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นยิว หรือปาเลสติเนียน ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะนำไปสู่สันติภาพต่อไปในอนาคต
แต่แล้วลูกชายของล่ามหญิงชาวฉนวนกาซาที่ทำงานกับเธอ ก็ถูกจับตัวไป ส่วนการทำสัญญาครั้งใหม่ของบริษัทก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่พัวพันกับความสงบในภูมิภาคนี้ และนำไปสู่ความลับต่างๆ มากมายเกี่ยวกับตัวเธอ และพี่ชาย ตลอดจนการทำงานในอดีตที่ผ่านมาของสไตน์ กรุ๊ป โดยมีหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ รวมไปถึงอเมริกาเข้ามาพัวพัน และชักใยกลุ่มก๊กต่างๆ ทำให้บริษัทของเธอไม่ต่างไปจากหมากตัวหนึ่งในเกมการเมืองระหว่างประเทศ ที่ยังหยั่งลึกไปเป็นเกมการเมืองในองค์กร และความแค้นส่วนตัวที่ถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นระหว่างเชื้อชาติ โดยที่ไม่มีใครที่นึกถึงความสงบของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคนนอก หรือคนที่กิน-อยู่และให้กำเนิดผู้คนในดินแดนแถบนี้
ที่ร้าย คนนอกที่เป็นพวกมหาอำนาจ ดูเหมือนไม่อยากให้เกิดสันติภาพที่จีรังยั่งยืนในประเทศแถบนี้สักเท่าไหร่ และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของการยุติความขัดแย้งอย่างจริงจังมากนัก แต่ดูจะใส่ใจกับเก้าอี้ และความมั่นคงของชีวิตตัวเองซะมากกว่า
นอกจากความสัมพันธ์ในระดับมหภาคที่หนังนำเสนอได้อย่างเข้มข้น Honourable Woman ก็ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้ได้ติดตามพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเนสซากับล่ามสาว ลูกชายที่ถูกจับตัวไปของเธอ, ความสัมพันธ์ของพี่ชายเธอกับล่ามสาว และภรรยาของเขาเอง ไล่ไปจนถึงความสัมพันธ์ของผู้คนในหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ ที่ฟากหนึ่งก็เล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ และอีกฟากหนึ่งก็เล่นเกมเลื่อยขาเก้าอี้กันในองค์กร โดยที่ไม่สนว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะลุกลามขนาดไหน หรือว่าบริษัทกับครอบครัวของเนสซา จะล่มสลายหรือเสียหายเพียงใด
แม้จะมีพล็อตรองมากมาย ยิบย่อย แต่ก็เก็บหมด และเอาอยู่ แบบได้เรื่องกระจุ๊กกระจิ๊กของหัวหน้าฝ่ายกิจการตะวันออกกลางของเอ็มไอซิกส์ กับภรรยาเป็นความสดใส เข้ามาแทรกแซมเป็นระยะๆ
หนังอาจจะเล่าเรื่องได้ไม่หวือหวา จนติดจะเนิบข้าด้วยซ้ำ สำหรับคอซีรีส์สายลับอเมริกัน ที่หวือหวา และวูบวาบกว่านี้ แต่ก็ชดเชยได้ด้วยตัวเรื่องที่แน่น มีแง่มุมหลากหลายให้เล่า และนำเสนอออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ได้เลอะเทอะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็ต้องยอมรับว่า เล่าเรื่องย้อนเวลากลับ-กลับมานั้น ไม่เหมาะเลยกับการชมเป็นมินิซีรีส์ สัปดาห์ละตอน เพราะโอกาสที่จะสับสน และหลงลืมนั้นเป็นไปได้มาก
ที่น่าสังเกตุก็คือ หนังมีแง่มุมที่ให้น้ำหนักกับเพศหญิงอยู่กลายๆ เพราะไม่ใช่มีแค่เนสซา สไตน์เพียงคนเดียวที่มีบทบาทสำคัญ ตัวละครที่ขับเคี่ยว เปิดและปิดเหตุการณ์ต่างๆ ก็เต็มได้วยเพศหญิง ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ, เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองหญิงที่ทำงานในวอชิงตัน, ล่ามชาวฉนวนกาซา, พี่สะใภ้ของเนสซา ที่ถ้าลงรายละเอียดลึกๆ ก็จะไปถึงตัวละครเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความสำคัญกับเรื่องในบางช่วงเวลาอีกหลายคน
นอกจากตัวเรื่องจะเล่าสนุก บทสนทนาก็เฉียบคม แสบสันต์ มีกัดจิก แฝงเอาไว้อย่างเจ็บแสบ โดยเฉพาะตัวหัวหน้าฝ่ายกิจการตะวันออกกลางของเอ็มไอซิกส์ ที่ได้สตีเฟน เรมารับบท ออกปากตอบโต้มาแต่ละที มีแสบๆ คันๆ แทบทุกครั้งไป
การแสดงที่เยี่ยมยอดก็ได้แบบยกชุด ไม่ใช่มีแค่แม็กกี จิลเลนฮาล ที่รับบทเป็น เนสซา สไตน์ ซึ่งได้รับรางวัลลูกโลกทองคำเพียงคนเดียว ที่โดดเด่น จะว่าไปแล้วบรรดาตัวละครที่อยู่รายรอบก็มาดีไม่แพ้กันในเรื่องของการสวมบทบาทที่ตัวเองได้รับ
แม้เมื่อถึงที่สุดของเรื่องราว ตัวละคร และคนดู ก็หาบทสรุปไม่ได้ว่า เราควรจะเชื่อใจใครจากอะไรดี ท่าทาง หรือว่าคำพูด แต่ที่แน่ๆ หนังก็บอกให้เรารู้ว่า กับผู้คน องค์กรต่างๆ ที่ทำงานท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติของยิว และปาเลสติเนียนในตะวันออกกลางนั้น ไม่มีทางที่ความสงบจะบังเกิดขึ้น ตราบใดที่ยังมีคนนอกเข้าไปเกี่ยวข้อง และทุกฝ่ายไม่ละวาง ความแค้นส่วนตัวกันเสียที
จากคอลัมน์ วิจารณ์ – แนะนำ นิตยสารสีสัน ฉบับที่ 5 ปีที่ 26 พ.ศ. 2557 โดย นพปฎล พลศิลป์
HONOURABLE WOMAN ผู้กำกับ: ฮิวโก แบล็ค นักแสดง: แม็กกี จิลเลนฮาล, ฟิลลิป อาร์ดิตติ, ลุบนา อาซาบาล, แอนดรูว์ บิวแคน, อีฟ เบสท์, ลินด์เซย์ ดันแคน, เจเน็ท แม็คเทียร์, สตีเฟน เร