12 YEARS A SLAVE: เรื่องราวชีวิตจริงของโซโลมอน นอร์ธัพ นักไวโอลิน เสรีชน ที่ถูกจับตัวไปเป็นทาส ที่นำไปสู่การรับรู้ถึงเรื่องราวการกดขี่ระหว่างสีผิว ที่หากเขายังเป็นเสรีชนก็คงไม่มีโอกาสได้รับรู้ โดยที่ระหว่างนั้นก็พยายามหาทางพาตัวเองหลุดพ้นจากบ่วงทรมานนี้ให้ได้
หนังไม่ได้พยายามบีบคั้นอารมณ์ หรือเค้นความรู้สึกคนดูมากมายนัก แต่การนำเสนอทุกอย่างไปตามเนื้อผ้า ก็เล่นเอารู้สึกหนักหนาแบบไม่ต้องปรุงรส จนรู้สึกสะเทือนใจ และเศร้าใจไปกับการกระทำของมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงต้องคอยลุ้นว่าชะตากรรมของโซโลมอนจะหลุดพ้นจากเรื่องเลวร้ายในชีวิตแบบนี้ได้ยังไง โดยที่แทบไม่มีแสงสว่างแห่งความหวังให้รู้สึก
หนังยังเยี่ยมในเรื่องการแสดง โดยเฉพาะสามคนที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง ซึ่งมาแบบเดียวกับการเล่าเรื่อง ชิวอิเทล เอจอิโอฟอร์ ทาสจำเป็น, ลูพิตา เอ็นยองโก ทาสสาวที่เป็นทั้งนางบำเรอ ทั้งเครื่องระบายอารมณ์ และนายจ้างผิวขาวจอมโหด ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์
และที่สุดแล้ว เรื่องราวของ 12 Years a Slave นอกจากให้คนดูได้สัมผัสลึกกับช่วงเวลาที่คนมองกันแบไม่ใช่คนแล้ว ก็ยังแสดงให้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ที่ผลประโยชน์ ของตัวเองย่อมอยู่เหนือสื่งอื่นใด ซึ่งส่งผ่านมาทางนายจ้างทั้งหลาย ที่ล้วนมองเห็น “บางอย่าง” ผิดปกติในตัวโซโลมอน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำเพื่อสิทธิ์ที่เจ้าตัวมี หากพยายามปกปิด เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปเรื่อยๆ จนเจ้าตัวแทบไม่มีโอกาสกลับมาเป็น “คน” อีกครั้งหนึ่ง
โดย นพปฎล พลศิลป์