ALWAYS BE MY MAYBE: ช่วงต้นปี 2019 กลายเป็นปีฮ็อทของคีอานู รีฟส์ไปแล้ว เมื่อมีหนังที่เขาเล่นออกฉายติดๆ กันถึงสามเรื่อง John Wick: Parabellum ที่เขารับบทนำที่เป็นชื่อเรื่อง, Toy Story 4 ที่เขาให้เสียงของเล่นที่เป็นนักขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผนจากแคนาดา – ดุค คาบูม และหนังเรื่องนี้ของเน็ทฟลิกซ์ที่เปิดตัวในวงจำกัดก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในระบบสตรีมมิง ซึ่งเขารับบทเป็นตัวเอง นักแสดงสุดฮ็อทที่พบรักกับเชฟสาวที่เพิ่งบอกเลิกกับแฟนหนุ่ม และต้องเจออดีตของเธอในช่วงไฮสคูล เมื่อมารับงานเปิดภัตตาคารในบ้านเกิด
แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า แม้ตัวอย่างจะมีหนุ่มคีอานูเป็นเซอร์ไพรส์ บทของเขาใน Always Be My Maybe ก็ไม่ต่างไปจากนักแสดงสมทบ ในระดับของนักแสดงรับเชิญด้วยซ้ำไป เพราะเรื่องราวหลักนั้นว่าด้วยความสัมพันธ์ของ ซาชา ทราน เชฟสาวที่รับบทโดย อาลี วอง กับ มาร์คัส คิม ของแรนดอลล์ พาร์ค ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จนถึงไฮสคูลทั้งคู่ก็ข้ามเส้นของความเป็นเพื่อนและมีอะไรกัน ซึ่งในคืนนั้นเอวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลง
ขณะที่ซาชาเดินหน้าไปเป็นเชฟชื่อดัง มาร์คัสยังคงอยู่ที่บ้านเกิดทำงานร่วมกับพ่อ และมียังคงทำวงดนตรีที่ตั้งกันตั้งแต่ไฮสคูลเหมือนเดิม และไม่เคยออกไปเล่นที่ไหนไกลจากละแวกที่อยู่ แต่เมื่อ ซาชากลับมาเปิดภัตตาคารใหม่ที่บ้านเกิด ก็ได้พบกับมาร์คัสอีกครั้งโดยที่ดูเหมือนว่ายังมีอะไรบางอย่างที่คั่งค้างในใจของทั้งสองคน และเมื่อซาชาบอกเลิกกับแฟน มาร์คัสที่ยังคงรู้สึกดีๆ กับเธออยู่ตัดสินใจที่จะสานต่อความสัมพันธ์จากอดีต แต่ก็สายไปแล้วเมื่อซาชามีแฟนคนใหม่ ที่เขาไม่มีอะไรเทียบได้เลยในทุกมุม
และก็คงต้องมองซาชาเดินจากไปอีกครั้ง เหมือนเมื่อ 16 ปีก่อน
ถึงจะเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่ากันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ประเภทอดีตคนรักที่กลับมาเจอกัน และกับความสัมพันธ์ที่ข้ามเส้นของความเป็นเพื่อนเพราะเซ็กส์ อาจจะทำให้มีภาพของ When Harry Met Sally แว้บเข้ามาในความรู้สึกบ้าง แต่ Always Be My Maybe ก็มีเรื่องราวที่มากกว่าเรื่องรักเก่าที่บ้านเกิด เมื่อตัวละครอย่างมาร์คัสก็คือหนุ่มที่ไม่พยายามก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับเรื่องต่างๆ ในชีวิต รวมไปถึงห่วงคนรอบข้างมากเกินไป จนกลายเป็นการปิดกั้นตัวเองทั้งการไปพบกับสิ่งใหม่ๆ ทั้งไม่ให้มีอะไรเข้ามาในชีวิต ท้ายที่สุดตัวเองก็ไปไม่ถึงไหนอย่างที่เห็น และพลอยพาให้คนรอบข้างติดอยู่กับโซนปลอดภัยของเขาไปด้วย
ด้วยประเด็นที่เสริมเข้ามา ทำให้ Always Be My Maybe ไม่ใช่แค่หนังรอม-คอมน่ารักๆ ที่องค์ประกอบต่างๆ ถือว่าใช้ได้ ตั้งแต่จังหวะในการเล่าเรื่อง มุขตลกอารมณ์ขันมาถูกที่ถูกทาง การเพิ่มความจริงจังเข้ามาก็ไม่รู้สึกโดดจากอารมณ์เบาๆ ในช่วงแรก โดยเฉพาะบรรดานักแสดงในเรื่องที่เล่นรับ-ส่งกันได้ลงตัว ทั้งตัวหลัก-ตัวรอง หรือตัวสมทบอย่างรีฟส์ที่มาขโมยซีนโดยเฉพาะ แถมยังเล่นเป็นตัวแสบอีกต่างหาก ส่วนสองนักแสดงนำพาร์คกับวอง แม้จะไม่ใช่หนุ่มหล่อสาวสวย แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้รักได้ตั้งแต่เห็น และการแสดงก็มาช่วยส่งซ้ำ โดยเฉพาะพาร์คที่ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยมาร์คัสอย่างเต็มที่ แม้จะรู้สึกรำคาญการเป็นคนที่ติดอยู่กับพื้นที่ปลอดภัยของเขาในบางครั้งบางคราวเหมือนกัน
อาจจะมีที่ไม่เข้าท่าอยู่บ้าง ก็เรื่องราวช่วงท้ายที่ดูจะรวบรัดตัดความ เร่งรีบจนเกินเหตุ จนทุกอย่างดูง่ายไปหมด ทำให้หนังไม่สามารถจบลงได้อย่างน่าประทับใจอย่างที่ควรจะเป็น
คะแนน : 7 / 10
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1283 ปักษ์แรกกรกฎาคม 2562