BAD NEIGHBOURS 2: แม้จะจัดการกับแก๊งหนุ่มๆ จากภาคแรกไปได้ แต่ใช่ว่าปัญหาจะหมด เพราะในภาคนี้ ผัว-เมียละเหี่ยใจอย่างเซ็ธ โรเกน และโรส เบิร์น ต้องเจอกับแก๊งสาวๆ ที่ย้ายมาอยู่กันที่บ้านหลังเดิม หลังทนกฎระเบียบของกลุ่มนักศึกษาหญิงในหอมหา’ลัย ที่ทำโน่น-นี่-นั่นก็ไม่ได้ไม่ไหว แถมยังทำตัวเหมือนกับเป็นเครื่องปรนเปรอทางเพศให้กับหนุ่มอีกต่างหาก ก็เลยแยกมาหาบ้านเช่า สร้างกฎใหม่ ระเบียบใหม่ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจัดงานปาร์ตี้ได้ และไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย แล้วก็ไม่ทำตัวเป็นเครื่องบำเรอของหนุ่มๆ
ซึ่งก็ไปเดือดร้อนคู่ผัวตัวเมียจากภาคแรก ที่เพิ่งขายบ้านได้ และอยู่สนระหว่าง 30 วันของการตรวจสอบ ที่หากผู้ซื้อพบว่าบ้านมีปัญหา ก็สามารถยกเลิกการซื้อขายได้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ทั้งคู่ที่กำลังมีลูกใหม่ในท้อง ต้องเจอปัญหา 2 เด้งคือ ต้องรับภาระทั้งบ้านเก่าที่ขายไม่ออก และต้องไปจ่ายเงินของบ้านใหม่ที่เพิ่งได้มา ทำให้พวกเขาต้องเปิดศึกกับบรรดาแก๊งนักศึกษาสาวในที่สุด
แม้เรื่องไม่ต่างไปจากการเล่าซ้ำ แต่หนังก็เล่าเรื่องได้สนุก มาพร้อมมุขที่เรียกเสียงหัวเราะได้ต่อเนื่อง ทะลึ่งตึงตังบ้าง เป็นเดอร์ตี โจ๊กบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับสกปรกจนน่ารังเกียจ แล้วก็มีประเด็น มีแง่มุมแบบคมๆ ที่ไม่ทำให้รู้สึกถูกสอนสั่ง ทั้งเรื่องของชีวิตนักศึกษาหญิงในรั้วมหาวิทยาลัย ที่มีความเป็นเฟมินิสท์อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็รวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่แต่ละคน แต่ละชีวิต ก็มีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่ได้หมายความว่า ความเป็นเพื่อนต้องขาดจากกัน ตลอดจนการเป็นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ที่สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องของตึกราม แต่คือ เยื่อใยที่มีพวกเขา (หรือเธอ) มีให้กัน
และที่ลืมไม่ได้ก็คือ แม้ในวันนี้จะเป็นผู้ใหญ่ เติบโต มีครอบครัว แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเด็กที่ชีวิตคิดแต่เรื่องความสนุกสนานโดยไม่ได้นึกถึงใครอื่นเหมือนกับพวกเขา สิ่งที่ดีที่สุดหากจะแก้ปัญหาตรงนี้ บางทีก็คือ การย้อนไปนึกถึงตัวเองในวัยเดี่ยวกัน
ถือเป็นหนังที่มาพร้อมสาระ และแก่นสาร ในหน้าตาที่ดูเหมือนไม่มีสาระ และเป็นความบันเทิงแบบฉาบฉวย แต่ Bad Neighbours 2 (ซึ่งอาจจหมายความรวมถึงภาคแรกด้วยก็ได้) น่าจะสมบูรณ์แบบและเต็มสูบมากกว่านี้ หากหนังสามารถคลี่คลายประเด็นต่างๆ ในเรื่องได้แบบสมเหตุสมผลกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ทุกอย่างจู่ๆ ก็สรุป ปิดจบกันลงได้ง่ายๆ ในแบบรวบรัด ทั้งๆ ที่ปูเรื่องของความขัดแย้งมาแบบจัดหนัก ทำให้กลายเป็นหนังที่เหมือนกับว่า เออ… ได้เวลาจบแล้ว จบเถอะ อะไรแบบนั้น ส่วนความลึกของตัวละคร พร้อมทั้งพัฒนาการก็ดูจะขาดหายไปด้วย
ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้เป็นได้ก็คือ ป็อปคอร์น ที่ไม่ถึงกับสูญเปล่า ยังมีสมุนไพรช่วยไล่คลอเรสเตอรอล หรือเป็นหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล เคี้ยวแล้วได้บริหารฟัน และไม่เสี่ยงเบาหวาน ประมาณนั้น นั่นแหละ
ควรชมหากชอบ: Bad Neighbours, American Pie, Dirty Grandpa
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่