BOYHOOD: การทำงาน 12 ปี โดยใช้นักแสดงชุดเดิม ที่เติบโตไปตามวัยและเวลาในเรื่อง ที่ว่าด้วย ชีวิตของเมสัน จูเนียร์ (ตัวละครในเรื่อง) เด็กพ่อ-แม่แยกทาง ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนเติบโตเข้ามหาวิทยาลัย พ้นวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ตามชื่อหนัง ที่อาจจะทำให้นึกถึง Forrest Gump ทั้งการเล่าเรื่อง ตามวัยของตัวละครตั้งแต่อายุยังน้อย การใช้เพลงประกอบที่เป็นไปตามกาลเวลา จากโคลด์เพลย์ไปจนถึงแฟมิลีออฟเดอะเยียร์ ทำให้ได้เพลงประกอบดีๆ ที่เป็นหมายเหตุของยุคสมัยมาได้อีกหนึ่งเซ็ท กระทั่งบทสรุปของการใช้ชีวิต แต่ที่ต่างก็คือ ชีวิตของเมสัน ไม่ได้พานพบประสบการณ์อลังการเวอร์วังอย่างกัมป์ ไม่ได้ฟีลกูด หรือแฟนตาซีขนาดนั้น สิ่งที่เขาเจอก็คือ เรื่องสามัญในชีวิตของเรา แฟนใหม่ของแม่ ลูกติดของพ่อเลี้ยง ความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นๆ เพื่อนที่พบแล้วก็จาก ประสบการณ์บางอย่างร่วมกับพ่อ หรือแม่ การเติบโตที่ทำให้ตัวเองห่างเหินจากพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาของวัยเด็กจะหมดลง
หนังได้ทีมนักแสดงที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอีเลียร์ โคลเทรน ที่รับบทเมสัน จูเนียร์ และแพทริเซีย อาร์เคว็ทท์ กับบทแม่ ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากมายร่วมกับลูก ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกาย และทัศนคติ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ ความรักที่มีต่อลูก การเสียสละ ที่เมื่อถึงวันที่ลูกถึงจุดหมาย ตัวเองก็เหมือนกลายเป็นใบไม้ที่เคว้งคว้าง อาร์เคว็ทท์เล่นได้ดี จนลืมไปว่าเธอคือแพทริเซีย อาร์เคว็ทท์ แต่เป็น “แม่” ของเมสันจริงๆ
ที่น่าสนใจก็คือ กับความเป็นจริงแห่งชีวิต Boyhood แสดงให้เห็นถึงกระบวนการการเดินทางผ่านไปในแต่ละปี ของมนุษย์ ที่สิ่งจำเป็นก็คือ ความรักจากผู้ให้กำเนิด และความสมดุลย์ในการเดินทาง เมสันอาจจะดูเป็นเด็กที่ขาด และมีปัญหา เมื่อพ่อกับแม่แยกทางกัน แต่ก็มีความรัก กับสมดุลย์ชีวิต จากพ่อและแม่ การอยู่ในกรอบ ความคิดที่เป็นระบบระเบียบของแม่ กับชีวิตที่ปล่อยไปตามสายลม พร้อมรับมือกับทุกอย่างที่เข้ามาแบบพ่อ
นี่คือคู่มือที่แสนงดงามสำหรับการใช้ชีวิต ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องต้องมีจุดหมาย หรือตั้งคำถามว่า เกิดมา อยู่ไป เพื่ออะไร?…
“เราก็แค่เล่นไปตามน้ำให้ดีที่สุด”….
ชีวิตมีแค่นั้นจริงๆ…
งดงาม อบอุ่น และซึมลึกสุดใจ
โดย นพปฎล พลศิลป์