DANNY COLLINS: หนังอีกเรื่องที่มีที่มาจากเรื่องจริง โดยเป็นบางส่วนของศิลปินโฟล์คที่ชื่อ สตีฟ ทิลสตัน ที่ได้อ่านจดหมายที่จอห์น เล็นนอนเขียนถึงเขาตอนที่อายุยังน้อย ในอีกหลายสิบปีให้หลัง และทำให้เขาได้คิดว่า หากเขาได้รับในตอนนั้นจริงๆ ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง
หนังเปลี่ยนสตีฟ ทิลสตัน มาเป็นร็อค สตาร์ชื่อ แดนนี คอลลินส์ ในวัยเหลาแหย่ แต่ต้องออกตระเวณทัวร์คอนเสิร์ท ร้องเพลงเก่าๆ ให้กับแฟนเพลงสว. ที่ตามกันมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ในแบบที่เรียกได้ว่า เอาของเก่าขายให้คนเก่าๆ ฟังนั่นแหละ และในวันครบรอบวันเกิดเขาก็ได้ของขวัญเป็นของเก่ามูลค่า 40 ปี จดหมายที่จอห์น เล็นนอนเขียนถึงเขา หลังอ่านบทสัมภาษณ์คอลลินส์ ในหนังสือดนตรีฉบับหนึ่ง ผ่านทางหนังสือฉบับนั้น แต่บรรณาธิการกลับไม่ยอมส่งให้ เก็บเอาไว้ขายต่อเป็นของสะสม
จดหมายฉบับนี้ ก็ทำให้คอลลินส์ได้ย้อนคิดถึงวันที่ผ่านมา และถ้าเขาได้รับจดหมายในตอนนั้น ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง แล้วเขาก็ตัดสินใจ ‘เปลี่ยน’ ชีวิตที่เป็นไปในตอนนี้ ด้วยการยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ทที่เหลือทั้งหมด ยอมรับว่าเมียเด็กที่กำลังจะจดทะเบียนสมรสกับเขามีกิ๊ก ซุกไว้ใน ‘บ้าน’ จากนั้นก็เดินทางไปปลีกวิเวกที่โรงแรมยาว เพื่อแต่งเพลงอีกครั้ง และโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ๆ ลูกชายที่ห่างเหินมานาน เพื่อที่จะมีโอกาสรับผิดชอบชีวิตครอบครัวของเขา ที่ตอนนี้มีลูกสาววัยกำลังซน กับที่อยู่ในท้องของภรรยาอีกคน
ซึ่งการขาดหายจากชีวิตไปนาน ตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ คอลลินส์ต้องใช้ความพยายาม และความใส่ใจอย่างหนักเพื่อจะเอาชนะลูกชายของตัวเองให้ได้ แล้วก็พยายามกลับมาเป็นศิลปิน ทำงานแต่งเพลง อย่างที่เคยฝัน เคยเป็นเมื่อในวัยหนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับละ เลิก ทิ้งสิ่งเก่าๆ ที่ฟอนเฟะ ไม่ว่าจะเป็น เมียเด็กซุกชู้, ยาเสพติด, การใช้ชีวิตแบบปาร์ตี้แมน เพื่อไปหาสิ่งใหม่ๆ นอกจากการแต่งเพลง, ครอบครัวแล้ว ก็ยังมีความรักครั้งใหม่ที่ดูไม่ฉาบฉวย ทุกอย่างดูเหมือนจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ได้อย่างสวยงาม
ภายใต้เรื่องราวเหล่านี้ สิ่งที่หนังตีแผ่ให้เห็นก็คือ ชีวิตร็อคสตาร์วัยดึก ที่ยังติดอยู่กับชื่อเสียง และความสำเร็จเก่าๆ จนขลาดกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ กระทั่งแต่งเพลงใหม่ก็ยังไม่กล้าที่จะทำ รวมไปถึงชีวิตที่ยังคงเป็น เซ็กซ์, ยาเสพติด และสุดลิ่มทิ่มประตู (Sex, Drugs & Rock n’ Roll) ที่ไม่ใช่แค่ตัวเขาเองที่หวั่นกับชีวิตที่ต้องไปนับหนึ่งใหม่ กับผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่ต่างกัน หากเป็นการหวั่นเกรงกับการใช้ชีวิตของคอลลินส์ ที่กลายเป็นร็อคสตาร์เต็มตัวฝังรากลึกมานาน จะใช้ชีวิต Slow Life แต่จ่ายไม่อั้น ไปได้สักกี่น้ำ
ชีวิตแบบร็อคสตาร์ ที่อยู่กับความหรรษาสุดขีด ยังทำให้ความงดงามบางอย่างในตัวของคอลลินส์ ถูกบดบัง ไม่ว่าจะเป็นจิตใจที่ดีงาม ความมีน้ำใจ โดยเฉพาะเรื่อความตั้งใจจริง ที่มักจะมีบางสิ่งปัดเป๋ เฉไฉออกนอกทางไปในหลายๆ ครั้ง และกับครั้งนี้ จะผ่านไปเหมือนเคยหรือบรรลุจนสำเร็จก็คงต้องไปสัมผัสกันในหนัง ที่แดน โฟเกลแมน ผู้กำกับและเขียน นำเสนอเป็นงานในแบบฟีลกู๊ด มาพร้อมอารมณ์ขัน น่ารัก ก่อนจะจบลงได้อย่างซาบซึ้ง และประทับใจในแบบหนังฟีลกู๊ด
โดยมีทีเด็ดเป็น การแสดงของทีมนักแสดงที่รับ-ส่งกันอย่างเข้าขา ไม่ว่าจะเป็น อัล ปาชิโน (แดนนี คอลลินส์), แอนเน็ทท์ เบนนิง หัวหน้าแผนกต้อนรับของโรงแรมที่คอลลินส์ไปพักและปิ๊งปั๊งกัน, บ็อบบี คานนาเวล ที่เล่นเป็นลูกชาย, เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ลูกสะใภ้ของคอลลินส์ และรุ่นใหญ่อีกคน คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ มาเป็นผู้จัดการของร็อคสตาร์ในหนัง
ที่ขาดไม่ได้ก็คือ บทเพลงเพราะๆ ที่ใส่มาให้ฟังอย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะเพลงของจอห์น เล็นนอน ไม่ว่าจะเป็น Imagine, Working Class Hero, #9 Dream
แต่ทันทีที่ดูจบ เพลงหนึ่งที่ลอยมาเข้าหู กลับกลายเป็น Old Habits Die Hard ของมิค แจกเกอร์กับเดฟ สจวร์ทซะอย่างนั้น และทำให้ที่สุดแล้วบางสิ่งบางอย่างในการใช้ชีวิตร่วมกัน ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ การ ‘ยอมรับ’ ไม่ใช่ ‘เปลี่ยนแปลง’
จากเรื่อง Danny Collins สันดานร็อคสตาร์ฝังราก ยากถอน โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 8 กรกฎาคม 2558
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่