
นิยายชุด ‘Jack Reacher’ ของลี ไชลด์ ที่กำลังจะมีเล่มที่ 27 ออกมาในเดือนตุลาคมคนนี้ กลายเป็นหนังมาก่อนแล้ว 2 เรื่อง ‘Jack Reacher’ และ ‘Jack Reacher: Never Go Back’ ที่ทอม ครูซ รับบทนำแบบค้านสายตาแฟนหนังสือ เมื่อหุ่นคนละไซส์กับตัวเอกของเรื่อง แจ็ค รีเชอร์ ที่บรรยายเอาไว้ในเรื่อง แต่มองถึงรายได้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จ เมื่อหนังที่ใช้ทุนสร้างราว ๆ 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเรื่อง ทำรายได้ 200 กว่าล้านและกว่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ปริมาณรายได้ของหนังไม่ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนตอน
คำวิจารณ์ก็เช่นกัน…
ดูท่าหนังไม่น่าได้ไปต่อ เพราะกราฟรายได้และคำวิจารณ์ไม่ขึ้น ทอม ครูซเองก็มีงาน อย่าง ‘Mission: Impossible’ อยู่ในมือ โดยยังไม่รวม ‘Top Gun’ ที่กระหึ่มโลกในตอนนี้
‘Jack Reacher’ ย้ายวิกมาลงจอเล็กเป็นซีรีส์ในสตรีมิงแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ เปิดด้วยหนังสือเล่มแรกของลี ไชลด์ ‘Killing Floor’ ผิดจากหนังใหญ่ที่เริ่มจากเล่มที่ 9 แล้วก็ข้ามไปที่ 18 และปล่อยให้ชมรวดเดียวครบ 8 ตอนไปตั้งแต่เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
โดยนักแสดงที่มารับบทนำ อลัน ริตช์สัน ที่เล่นเป็นอดีตฝ่ายสืบสวนของสารวัตรทหารในจอเล็กมีความสูงถึง 188 เซ็นติเมตร ดูใกล้เคียงตัวเลข 196 ของรีเชอร์ในตัวอักษรกว่า 170 ของครูซแบบวัดด้วยตาก็เห็น รูปร่างหน้าตาน่าเกรงขาม แล้วก็มีเสน่ห์เมื่อรวมเข้ากับการแสดงออก บวกลักษณะของตัวละคร ตรงไปตรงมา รอยยิ้มดูจริงใจ สายตามีทั้งอบอุ่น แข็งกร้าว มีความลึกลับในตัว ความเป็นคนช่างสังเกต เก็บรายละเอียด เฉลียวฉลาด ก็ดูน่าเชื่อถือ แม้อาจจะล้นไปบ้างในบางที
และเมื่อดูครบ นอกจากหุ่นล่ำบึ้กของริตช์สันจะทำให้มั่นใจได้ว่า ล้มเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ยังทำให้เชื่อสนิทใจเช่นกันว่า เขาสามารถล้มใคร ๆ ก็ได้ แม้จะไม่ใช่การต่อกรแบบ 1 ต่อ 1
เรื่องเริ่มด้วยการเดินทางมาถึงเมืองเล็ก ๆ มาร์เกรฟส์ของรีเชอร์ ที่จู่ ๆ ก็ถูกจับเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม แม้ตัวเองจะพ้นข้อหา แต่ก็ถูกดึงกลับไปอีกครั้ง เมื่อเหยื่อรายต่อมาเป็นคนที่เขาผูกพันมาทั้งชีวิต รวมทั้งได้รับคำขอของฟินเลย์ สารวัตรที่ดูแลคดี ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เช่นขนาดเมือง แต่เป็นเรื่องการปลอมแปลงที่พัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติ นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้คนอีกหลายราย และอีกไม่น้อยเกี่ยวพัน ทั้งคนที่ดูเป็นพวกใจซื่อมือสะอาด พวกมือกฎหมาย กระทั่งคนที่มีอำนาจคับเมือง
ด้วยการเป็นซีรีส์ความยาวราว ๆ ตอนละ 42-54 นาที รายละเอียดจึงถูกใส่เข้ามาเต็มที่ ทำให้หนังเข้มข้น เงื่อนปมมีเวลาไข มีเวลาหาเบาะแส ไม่ได้ถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็ว รวบรับ จนสมเหตุสมผลกว่าหนังใหญ่ ถึงบางคราวพระเอกของเราจะจับแพะชนแกะเก่งเกินอยู่บ้าง แถมเข้านอกออกในหลายที่หลายแห่งสบายเกินเหตุ แต่เมื่อเป็นการจัดการทีละเปลาะ ไม่ใช่ว่ากันที่ภาพรวมในทีเดียว ก็ช่วยลดดีกรีการเป็นพวกขี้จังร่องพอดีไปเยอะ อย่างน้อยก็เหมือนค่อย ๆ ต่อจิ๊กซอว์เป็นภาพใหญ่ ขึ้นรูปตามปมที่วางเอาไว้ พอปมหนึ่งคลายก็มีปมใหม่ที่ขยับใกล้จุดที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยมากขึ้น
ปูมหลังตัวละครเอกที่ขาดพร่อง เพราะไม่ได้เริ่มตั้งแต่จุดกำเนิดของตัวละคร ไม่ได้รู้ความเป็นมา ระดับความสามารถ หรือความเก่งกาจว่ามายังไง ก็มีความเป็นไปให้ได้รับรู้ทีละเล็กทีละน้อยจากเหตุการณ์แต่หนหลัง ทั้งนิสัยใจคอ การเลี้ยงดู ที่สร้างเนื้อหนัง ตัวตนให้ตัวละคร และเชื่อว่าในปีต่อ ๆ ไป ที่มาที่ไปของรีเชอร์น่าจะถูกเพิ่มเติมลงมาอีก
ส่วนชีวิตและตัวตนในปัจจุบันก็ได้เห็นผ่านความสัมพันธ์ของเขากับคนรอบข้าง
ไม่ได้อ่านนิยาย เลยไม่รู้ว่าตัวซีรีส์ซื่อสัตย์กับตัวอักษรขนาดไหน แต่ในแง่ของหนังสืบสวนสอบสวน จังหวะในการเล่าเรื่อง การสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ทำให้ดูสนุก แล้วไม่ใช่แค่การทำงานของรีเชอร์ เรื่องในภาพรวมก็น่าติดตาม มีปมที่ต้องแก้ มีสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานให้เอาตัวรอด มีหลักฐานที่ถูกมองข้ามไปง่าย ๆ แล้วกลับมาเป็นเซอร์ไพรส์เมื่อฉุกคิดได้ หรือเมื่อมีร่องรอยชี้นำในตอนหลัง โดยใส่อารมณ์ขันเบา ๆ แบบตลกร้ายแทรกให้หนังไม่ตึงนัก
ตัวละครชวนสงสัย ไม่น่าไว้ใจ มีทั้งพวกตัวหลอก และอีแอบ หรือหนอนบ่อนไส้ จนไม่รู้จะไว้ใจใครได้ เจ้าหน้าที่การเงินที่ดูลุกลี้ลุกลน, เจ้าของบริษัทที่ทำตัวเหมือนผู้มีบุญคุณต่อเมือง, นายกเทศมนตรีที่พยายามเบี่ยงเบนการสืบสวน กระทั่งสองเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฟินเลย์กับรอสโคที่จับมือกับรีเชอร์ บางทีพฤติกรรมก็ดูแปลก ๆ แต่ในแง่การสร้างตัวละคร ปูมหลังของทั้งคู่ทำให้ซีรีส์มีมิติมากขึ้น รายแรกย้ายจากเมืองใหญ่อย่างบอสตันมาทำงานในเมืองเล็ก ๆ แล้วก็เหมือนมีปัญหาเรื่องชีวิตแต่งงานติดมาด้วย พ่วงลูกเล่นน่ารัก ๆ เรื่องรสนิยมดนตรี เมื่อเป็นคนดำที่ชอบดนตรีฮาร์ดร็อคซึ่งดูขัดแย้งในตัว เช่นเดียวกับรีเชอร์ที่เป็นคนขาวแต่ชอบดนตรีบลูส์ จนต้องมาเจอวิบากกรรมที่นี่ ส่วนรายหลังเป็นคนท้องถิ่นที่เป็นตำรวจ แล้วน่าจะรู้ตื้นลึกหนาบาง เรื่องบางอย่างในเมือง
การทำงานร่วมกันของทั้งสามคน มาแบบเดียวกับตัวละครในหนังคู่หูยุค ‘80s เช่นเดียวกับตัวเรื่อง หรือแจ็ค รีเชอร์เองก็มีลักษณะของพระเอกยุค ‘80s ในตัว แต่อัปเกรดให้ทันยุคทันสมัย ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของนิยายหรือหนังชุดนี้ ที่มีกลิ่นอายของอดีตในตัว ที่อาจจะดูเชย แต่ก็ไม่ล้าสมัย
หลังทำลายความหวังของตัวละคร หรือหักหน้าการคาดเดาของผู้ชม ที่เป็นเรื่องหักมุม เป็นสถานการณ์พลิกผัน เป็นระยะ ๆ เรื่องราวก็จบลงตรงที่รีเชอร์ปิดคดีสำเร็จ ออกเดินทางพร้อมมีแปรงสีฟันกับเงินติดตัวไม่มากนัก โดยฝังเหรียญกล้าหาญที่เขาพกในตอนแรก และมีความหมายบางอย่างในชีวิต เอาไว้ในจุดที่คนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตตัวเองจากไป
ที่อาจตีความได้ว่า ชีวิตภายภาคหน้าของผู้ชายคนนี้ ไม่เหลือความผูกพันใด ๆ ไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างจากอดีต ทุกอย่างล้วนฝังเอาไว้ในผืนดิน…
ชีวิตมีแต่วันนี้ และวันหน้า ที่ต้องเดินหน้าเพียงเท่านั้น และทำให้เรื่องราวที่จะได้ชมกันต่อ น่าติดตาม เมื่อการเริ่มต้นทำออกมาได้ขนาดนี้
ผู้สร้างสรรค์: นิค ซานโตรา จากนิยายชุด Jack Reacher ของลี ไชลด์ นำแสดง: อลัน ริตช์สัน, มัลคอล์ม กู๊ดวิน, วิลลา ฟิตซ์เจอราลด์, คริส เว็บสเตอร์, บรูซ แม็กกิลล์, มาเรีย สเต็น
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 33 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2665 (2022)
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่