ดูมาแล้ว – LET HIM GO งานตะวันตก แสดงพลังหญิง ที่แข็งแกร่งเรื่องการแสดง ***

มองกันขำ ๆ เพราะดารานำแสดงคือ เควิน คอสต์เนอร์ และไดแอน เลน อาจทำให้นึกถึงหนัง ‘Superman’ ของเฮนรี คาวิลล์ ที่ทั้งคู่เล่นเป็น โจนาธานและมาร์ธา เคนต์ คู่สามี-ภรรยาชาวไร่-ชาวโลกที่เลี้ยงดูคาล-เอล ทารกจากดาวคริปทัน จนกลายเป็นซูเปอร์แมน

แต่ด้วยตัวหนัง ‘Let Him Go’ คือหนังตะวันตกยุคใหม่ ที่ผสมผสานงานดรามา และความเป็นงานแอ็กชันระทึกขวัญเข้ามาได้อย่างลงตัว

จอร์จ แบล็คเลดจ์ (คอสต์เนอร์) อดีตนายอำเภอใช้ชีวิตอยู่กับมาร์กาเร็ต (เลน) ภรรยา และครอบครัวของลูกชายเจมส์ (ไรอัน บรูซ) ที่มีภรรยา ลอร์นา (เคย์ลี คาร์เทอร์) กับลูกชาย – จิมมี แต่แล้วเจมส์ก็ตกจากหลังม้าเสียชีวิต

หลังจากนั้นอีกหลายปี ลอร์นาเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนใหม่ – ดอนนี วีบอย (วิลล์ บริทเทน) ทำให้จิมมีต้องแยกจากปู่กับย่า แต่เมื่อมาร์กาเร็ตบังเอิญเห็นดอนนีทำร้ายอดีตลูกสะใภ้และหลานชายในเมือง ทำให้เธอตัดสินใจไปเยี่ยมหลานที่บ้านดอนนี แล้วก็พบว่าทั้งสามคนย้ายออกไปอย่างเร่งรีบ มาร์กาเร็ตกลับบ้านแพ็กกระเป๋าเพื่อไปตามหาหลานชาย จอร์จแม้จะลังเลใจ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พ้นจากครอบครัวแล้ว หากก็ตัดสินใจเดินทางไปกับมาร์กาเร็ต

ที่สุดทั้งคู่ก็ตามหาหลานชาย รวมถึงอดีตลูกสะใภ้และสามีใหม่ของเธอพบ ทั้งหมดใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของเบียนชี (เลสลี แมนวิลล์) แม่ดอนนี แต่ที่ทั้งคู่ไม่คาดคิดมาก่อนก็คือ พวกวีบอยไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา และเมื่อจอร์จกับมาร์กาเร็ตพยายามพาลอร์นาและจิมมีหนี พวกเขาก็เจอกับความร้ายกาจของคนเหล่านี้ ที่ทำให้ต้องเลือกว่าจะปล่อยหลานกับอดีตสะใภ้ไป หรือเอาตัวกลับมาอยู่ในการดูแล

ด้วยสถานการณ์ที่จอร์จและมาร์กาเร็ตต้องเจอ ทำให้หนังที่เหมือนจะคาดเดาได้ไม่ยาก อาจมีความสั่นไหวอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้น หนังก็ปิดจบในแบบที่ไม่ได้แฮปปี้จ๋า มีการสูญเสียและได้มา เหมือนจะบอกว่า ทุกอย่างในโลกนี้มีได้อย่างก็เสียอย่าง

เรื่องราวอาจจะเดินหน้าไปเนิบ ๆ แต่ ‘Let Him Go’ ก็ไม่ต่างไปจากงาน ‘เผาหัวช้า’ (Slow Burn) เรื่องอื่น ๆ ที่พอสถานการณ์มาถึงจุดพลิกผัน ทุกอย่างก็ตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งเรื่องราวในจุดที่ว่า ก็คือ หลังจากจอร์จกับมาร์กาเร็ตได้พบกับเบียนชี ที่สิ่งตามมาคือความเข้มข้น โดยการแสดงของทั้งสามคนในเรื่องก็คือจุดเด่น และเป็นจุดขายของหนัง โดยเฉพาะการแสดงถึงการเป็น ‘ใหญ่’ ในครอบครัว ของสองนักแสดงฝ่ายหญิง-แมนวิลล์กับเลน ซึ่งจากที่เห็นปฏิกริยาของเด็ก ๆ วีบอย และจอร์จ ที่มีต่อผู้หญิงในบ้านของแต่ละฝั่งแล้ว

‘Let Him Go’ ก็คืองานแสดงพลังหญิง นำเสนอความแข็งแกร่งของเพศแม่ ที่ต้องการทำให้ครอบครัวที่กระเด็นเซ็นซ่านกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีก โดยฝ่ายชายไม่ต่างไปจากผู้รับปฏิบัติ ที่เห็นได้ชัดว่า ต่อให้นอกบ้านพวกเขาจะใหญ่แค่ไหน ในบ้านคือพื้นที่ของภรรยา

ส่วนหนุ่มอินเดียนแดง ที่ให้ความช่วยเหลือจอร์จและมาร์กาเร็ตระหว่างทาง ก็ตอกย้ำถึงประเด็นความเป็น ‘ครอบครัว’ ที่หากใครคนหนึ่งจากไปแล้วมีการใช้ชีวิตที่แตกต่าง เมื่อกลับมาก็อาจไม่มีความเป็นเนื้อเดียวกันกับครอบครัวเช่นวันที่จากไป ที่ไม่ใช่แค่ทำให้ใครบางคนต้องตัดสินใจ ยังทำให้มาร์กาเร็ตรับรู้ถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ซึ่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่เธอสัญญาว่าจะมอบให้กับลอร์นา

หนังยังมีมุมมองที่น่าสนใจในเรื่องการปล่อยวาง การยอมรับความเป็นไปของชีวิต ที่เมื่อบางสิ่งถึงจุดสิ้นสุดก็อย่าไปฝืน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตม้าคู่ใจของมาร์กาเร็ต หรือบทสรุปของใครบางคน ที่ทำเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงการตัดสินใจของเบียนชี ที่นอกจากไม่ปล่อยจิมมีกับลอร์นาไป ยังบังคับจิตใจผู้คนมากมาย ซึ่งไม่ได้สร้างผลดีให้ใครหรือกระทั่งกับตัวเอง

การปล่อยให้ใครไปจากชีวิตก็เช่นกัน คิดแล้วต้องปล่อยไปให้สุด เพื่อที่จะได้เดินหน้าต่อ ไม่เช่นนั้นก็ต้องสูญเสียบางอย่างเพื่อให้ได้มา หรือมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ในใจ อย่างที่หนังแสดงให้เห็น
(LET HIM GO ทาง เอชบีโอโก)

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1338 ปักษ์หลังตุลาคม 2564

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่