สัปดาห์นี้ หนังบันทึกการแสดงละครเวที Miss Saigon 25th Anniversay ที่เป็นการแสดงรอบสุดท้าย ก่อนที่ละครจะลาโรง แล้วเดินสายแสดงทั่วอังกฤษ ตามด้วยการไปบรอดเวย์ในปีหน้า จะเข้าฉายให้ได้ชมกันในบ้านเรา ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ งานนี้คอละครเพลงทั้งหลายห้ามพลาด เพราะนอกจากตัวละครที่จะได้ชมกันแล้ว ในช่วงท้ายหลังการแสดงจบลง ก็จะมีโชว์พิเศษที่ได้นักแสดงฉบับดั้งเดิมอย่าง ลี ซาลองกา ทีรับบทคิม จนคว้ารางวัลทางด้านละครทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกามาครอง, ไซมอน โบว์แมน ที่เล่นเป็นคริส และ โจนาธาน ไพรซ์ ที่คอหนังน่าจะคุ้นชื่อกันดีเพราะฝากฝีมือเอาไว้ในหนังดีๆ หลายๆ เรื่อง แต่กับคอละครเพลง เขาคือ เอ็นจิเนียร์ ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้
กลับมาขึ้นเวทีร้องเพลงจากละครเพลงเรื่องนี้ให้ได้ชมกันอีกครั้ง และเป็นภาพการแสดงที่อบอุ่นมากๆ โดยเฉพาะช่วงสลับคู่ร้องระหว่างคิมใหม่กับคริสเก่า และคริสใหม่กับคิมเก่า
สำหรับตัวเรื่อง จากข้อมูลที่ได้มา Miss Saigon 25th Anniversary จะปรับเปลี่ยนเรื่องราวและเพลงจากฉบับแรกเล็กน้อย เพื่อให้มีความกระชับมากขึ้น แต่ประเด็นต่างๆ ยังคงอยู่ครบ เป็นเรื่องรักระหว่างรบ ที่แสดงให้เห็นถึงผลของสงครามที่มีต่อคนตัวเล็กๆ ในสังคม ที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย การพลัดพราก และสิ่งที่ทำให้พวกเขายังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือ ‘ความหวัง’
คิม ที่เปรียบได้กับตัวแทนหญิงสาวในโลกกลางคืนของไซง่อน เริ่มจาก ‘ความหวัง’ ที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง เมื่อได้พบกับคริส ก็หวังจะมีชีวิตรักที่อบอุ่น เมื่อต้องพลัดพราก ก็หวังว่าสักหวังจะได้เจอกันอีก แม้เจอกันในสภาพที่ไม่เป็นอย่างหวัง คิมก็หวังว่าลูกของเธอกับเขา จะมีชีวิตที่ดีกับพ่อบังเกิดเกล้า ขณะที่ เอ็นจิเนียร์ ก็หวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อได้ไปอยู่อเมริกา และพยายามทุกทางเพื่อให้ไปถึงตรงนั้น
Miss Saigon ยังมีนัยเสียดสีให้รู้สึกกันตั้งแต่ชื่อเรื่อง ที่ผลจากกิจกรรมที่เอ็นจิเนียร์ปั้นขึ้นในบาร์ ดรีมแลนด์ (Dreamland) ให้แขกลงคะแนนเลือกเด็กๆ ในแต่ละคืน ให้เป็นนางสาวไซง่อน เพื่ออัพราคา ชื่อบาร์ก็หยอกล้อไปกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเอ็นจิเนียร์, สาวๆ ในร้าน หรือทหารจีไอที่มาเที่ยว เมื่อที่นี่มีให้ก็แค่ความฝัน ที่กลายเป็นความสุขหลอกๆ ของทุกคน เพื่อหลีกหนีความจริง
กระทั่งชื่อ เอ็นจิเนียร์ ก็สื่อถึงการเป็นผู้สร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็เป็นคนที่เชื่อม และก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิตของผู้คนที่แวะเวียนมาที่ ดรีมแลนด์
โดยนักแสดงทั้งสามคนที่มารับบทเหล่านี้ เอวา โนเบิลซาดา, อลิสแตร์ แบรมเมอร์ และ จอน จอน ไบรโอเนส ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี การแสดงรับ-ส่งลงตัว โดยไบรโอเนส ที่รับบทเป็นเอ็นจิเนียร์ จะดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็คงไม่พ้นบทที่มีสีสันมากกว่า
ที่น่าสนใจก็คือ Miss Saigon ฉบับนี้มีการคัดนักแสดงเอเชียไปเล่นเป็นคนเอเชียในเรื่อง ซึ่ง กิตติพันธ์ กิตติผกาพรหม ศิษย์เก่าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมนักแสดงด้วย
และในฉบับฉายในโรงภาพยนตร์ ก็จะเห็นหน้าค่าตาเขาอยู่หลายฉากเลยทีเดียว
ด้วยความที่เคยได้ชมละครเพลงเรื่องนี้ ที่โรงละครปรินซ์ เอ็ดเวิร์ด จริงๆ เมื่อเทียบกับฉบับฉายในโรงหนังแล้ว จะแตกต่างกันในเรื่องของการสัมผัสกับการแสดง ที่การชมในโรงละครจะเห็นการทำงานของภาคโปรดัคชัน เช่นการปรับเปลี่ยนฉาก รวมไปถึงการแสดงของตัวละครที่อยู่รายรอบตัวละครหลักๆ แต่ฉบับฉายโรง ซึ่งเน้นภาพโคลส-อัพเจาะไปที่ตัวละคร ทำให้เรื่องการมองเห็นภาพรวมของการแสดง ของโปรดัคชัน จะหายไป แต่ก็ได้การสัมผัสอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละครอย่างใกล้ชิดมาแทน
แต่ไม่ว่าจะเป็นฉบับไหนดูจบแล้ว ก็ให้อารมณ์ อรรถรส ที่มีต่อเรื่อง และตัวละคร ไม่แตกต่างกัน
เพราะฉะนั้นงานนี้ แฟนละครเพลงไม่น่าและไม่ควรพลาด…
จากเรื่อง ดูมาแล้ว Miss Saigon 25th Anniversary ละครแท้ๆ และละครในโรงหนัง แตกต่างในอรรถรสเดียวกัน คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 7 ธันวาคม 2559
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่