
จากค่ำคืนธรรมดา ๆ ในชีวิตของเด็กมหาวิทยาลัย ที่อยากจะไปสนุกกับเพื่อน ๆ ในงานพาร์ทีริมสระน้ำ แต่เพราะเป็นการเปลี่ยนใจกระทันหัน หลังการเข้ากลุ่มทำรายงานยกเลิกแบบปัจจุบันทันด่วน และตัวเองก็ไม่ใช่ครอบครัวกระเป๋าหนัก รถแท็กซีที่พ่อใช้หากิน เลยกลายเป็นพาหนะในการเดินทาง อย่างที่หลาย ๆ คนเคยบอก เลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยน และชีวิตของคิมฮยอนซู (คิมซูฮยอน) ก็เปลี่ยนจริง ๆ เพราะดันมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยโดดมาขึ้นรถ ที่เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เขาตัดสินใจปล่อยเหตุการณ์ให้เลยตามเลย จนไปจบลงที่บ้านหรูของฝ่ายหญิง ที่มีทั้งดื่มเหล้า อัพยา เล่นเกมมีด ก่อนที่จะจบลงบนเตียง
วันธรรมดา ๆ ของ ฮยอนซู ดูจะเป็นวันแสนสุข ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังเขาตื่นขึ้นมาจะไม่ใช่เรื่องที่ว่า ร่างของหญิงสาวที่นอนเปลือยเปล่าไร้สติบนเตียง จะเต็มไปด้วยบาดแผลถูกแทง ฮยอนซูรีบหนีออกมาจากบ้าน แต่ด้วยความตระหนกทำให้หลงลืมข้าวของ จนต้องทุบบานกระจกเพื่อเข้าไปเอาอีกครั้ง ที่แย่ยิ่งกว่านั้นเขาถูกเรียกเป่าแอลกอฮอล์ ก่อนจะต้องติดรถเจ้าหน้าที่กลับไปที่เกิดเหตุอีกหน เพราะมีคนโทรแจ้งตำรวจเพราะคิดว่ามีเรื่องงัดเข้าบ้าน ซึ่งกลายเป็นคดีฆาตกรรม ที่ฮยอนซูถูกเจ้าหน้าที่จากด่าน พาไปแปะไว้ที่โรงพัก ซึ่งในที่สุดความก็แตกว่า เขาคือคนสุดท้ายที่ใช้เวลาร่วมกับหญิงสาวในบ้านหลังนั้น ก่อนเธอจะหมดลมหายใจ แล้วที่ไปไกลกว่านั้นก็คือ เขาดันเก็บมีดจากบ้านไว้กับตัวอีกต่างหาก ทุกอย่างล้วนชี้ไปว่า เขานี่แหละผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ โดยมีเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเขาก็คือ ชินจุงฮัน (ชาซึงวอน) ทนายไร้อันดับ ที่หากินกับคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ตีนศาล ข้างโรงพัก ที่ดูแล้วไม่น่าจะช่วยเด็กหนุ่มให้รอดพ้นจากการเป็นฆาตกรได้เลย
จากตอนแรกที่เปิดเหตุการณ์ไว้ดี แล้วทิ้งท้ายตรงการตัดสินใจร่วมมือกับจุงฮันของฮยอนซู ท่ามกลางแสงไฟที่ติด ๆ ดับ ๆ ของโรงพัก ราวจะบอกว่า สถานการณ์ของเขา (หรือทั้งคู่) ไม่น่าจะราบรื่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อสภาพแวดล้อมของเหตุการณ์ ไม่ว่าจะพยานหลักฐานหรือพยานบุคคล ล้วนมัดเด็กหนุ่มแน่น แถมได้ทนายกะหลั่วอีกต่างหาก ซีรีส์ขนาด 8 ตอนที่ดัดแปลงจากซีรีส์ของบีบีซี ‘Criminal Justice’ เริ่มต้นได้อย่างน่าติดตาม ด้วยการตั้งคำถาม… “ฮยอนซูจะรอดจากคดีไปได้อย่างไร”
หลังได้รู้จักเด็กหนุ่ม ว่าเป็นเด็กหน้าตาดี มีเสน่ห์ ที่ต้องให้เครดิตกับการเลือกนักแสดง ที่ได้คนซึ่งทำให้คนดูพร้อมจะ ‘รัก’ มารับบท ฮยอนซูยังเป็นเด็กจิตใจดีอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นท่าทางสุภาพเรียบร้อย รวมถึงการเลือกไปเข้ากลุ่มรายงาน มากกว่าจะไปพาร์ทีกับเพื่อน เรื่องทำให้ผู้ชมได้รู้จักตัวละครอื่น ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทนายจุงฮัน ที่มีปัญหาการอาการแพ้ เป็นผื่นคันที่เท้า ซึ่งหย่ากับภรรยาและมีปัญหาเรื่องการดูแลลูกที่ไปอยู่กับแม่ ที่ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปอีกก็คือ เขาดูจะไม่คุ้นเคยกับคดีระดับนี้นัก
แต่ที่หนักหนาก็คือ ตำรวจที่มาจับคดีนี้ พักซังบอม (คิมฮงปา) เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณ มีวาระซ่อนเร้นในการทำคดี จนตั้งธงว่า ฮยอนซู คือผู้ลงมือ โดยไม่สนใจรายละเอียดรายรอบ ส่วนอัยการที่มาทำคดี อันแทฮี (คิมชินรก) ก็เป็นพวกที่เอาให้มั่นคั้นให้ตาย ไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้ และลึก ๆ แล้วเธอก็มีเป้าหมายบางอย่างไม่ต่างไปจากซังบอม ส่งผลให้การทำคดีนี้ของทั้งคู่ไม่ต่างไปจากการรวมหัวเพื่อส่งฮยอนซูไปสู่ลานประหาร ระหว่างการพิจารณาคดีเด็กหนุ่มก็ถูกส่งไปขังในเรือนจำ ซึ่งเป็นโลกอีกใบที่แตกต่างไปจากที่เขาคุ้นเคย ที่สำหรับคนดูอย่างเรา ๆ มันก็คือการโยนวิบากกรรมให้ฮยอนซูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ หนังยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้ชมที่ว่า เด็กหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางสุภาพคนนี้ ไม่ใช่ฆาตกรไปพร้อม ๆ กัน ผ่านการพิจารณาคดี ที่ดูเหมือนว่า ด้วยฤทธิ์ยาและเหล้าเป็นไปได้ที่เขาจะทำอะไรบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อรวมกับหลักฐานต่าง ๆ รายรอบ ก็ทำให้เริ่มไม่แน่ใจในตัวเด็กหนุ่มมากขึ้น
ภายใต้ฉากหน้าของงานขึ้นโรงขึ้นศาล สิ่งหนึ่งที่ ‘One Ordinary Day’ นำเสนอไปด้วย แม้จะเริ่มต้นแบบลางเลือน ก่อนจะเด่นชัดและถูกเน้นย้ำมากขึ้นก็คือ เรื่องการดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย ที่นอกจากจะเป็นแหล่งสร้างชื่อให้กับบางคน เช่น ทนายจากสำนักงานใหญ่ ที่มาจับคดีนี้ก่อนจะโบกมือลา เมื่อฮยอนซูไม่ยอมทำตามความต้องการของเธอ ที่เป็นการประสานประโยชน์กับฝ่ายตำรวจและอัยการ ยังเป็นบันไดให้หลาย ๆ คนได้ใช้ไต่เต้าโดยไม่นึกถึงสภาพชีวิตและจิตใจของคนที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งกรณีนี้ก็คือ ฮยอนซู
ไม่ว่าจะเป็นการพยายามบีบคั้นทางจิตใจของเด็กหนุ่มระหว่างการพิจารณาคดี การหาหลักฐานมามัดตัวเขาให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจความผิดปกติบางสิ่งบางอย่าง
โดยเฉพาะการส่งตัวไปสู่เรือนจำ ที่กลายเป็นเบ้าหลอมใหม่ของเด็กหนุ่ม เมื่อต้องเจอพวกสิงห์ขี้คุก ความรุนแรง และความกดดัน จนเปลี่ยนเขาจากเด็กมหาวิทยาลัยใส ๆ ไปเป็นชายหนุ่มที่แข็งกร้าว กร้านโลก เพื่อที่จะเอาตัวให้รอดจากชีวิตในคุก จนกลายเป็นลูกมือของเจ้าพ่อคนหนึ่งในคุก ที่บุคลิกภาพต่าง ๆ ของเขา เมื่อวันเวลาผ่านไปก็แตกต่างจากที่เคยเป็นในวันที่ย่างกรายเข้ามาลิบลับ
หลายคนอาจจะมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ช่องโหว่ หรือความอ่อนแอของกฎหมาย หากจริง ๆ แล้ว สิ่งที่ ‘One Ordinary Day’ พยายามจะนำเสนอก็คือ ที่เป็นปัญหามากกว่าช่องโหว่หรือความอ่อนแอของกฎหมายก็คือ ผู้คนที่ใช้และทำมาหากินกับกฎหมาย เมื่อมองถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นเชื่อเสียง, หน้าที่การงานมั่นคง หรือการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ โดยหลงลืมหลักการที่ว่า “ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ไม่มีผู้ใดสมควรถูกสันนิษฐานว่าผิด” ซึ่งเป็นคำพูดที่พิมพ์ไว้ในหน้าแรกของหนังสือประมวลกฎหมายอาญาที่เจ้าพ่อคุกมอบให้กับฮยอนซู และคนพวกนี้นี่เอง ที่ทำให้กฎหมายกลายเป็นสิ่งที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ การดำเนินคดีกลายเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม
หนังแสดงให้เห็นประเด็นดังกล่าวชัดเจน แต่ในเรื่องการพิจารณาคดีในศาล ดูจะถูกใช้เพื่อหวังผลทางดราม่า หรือสร้างความทุกข์แสนสาหัสให้กับตัวละคร จนดูหละหลวม ไม่หนักแน่นนัก แต่อย่างน้อยก็ทำงานได้ผล รวมถึงสร้างสถานการณ์พลิกผันไป-มา ให้เรื่องราวดูสนุก เข้มข้นทางอารมณ์ เช่นเดียวกับเรื่องราวในเรือนจำ ที่ถึงจะหลุดไปจากภาพรวม อย่างน้อยก็ตอกย้ำให้เห็นว่า ความผิดพลาดของการดำเนินคดีตามกระบวนทางกฎหมาย ที่เป็นไปเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ไม่ใช่เพื่อค้นหาความ ‘จริง’ หรือ ความ ‘ถูกต้อง’ มันส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำอย่างไรบ้าง
ไม่ใช่แค่ประเด็นชัดเจน การเล่าเรื่องถึงมีข้อบกพร่องในด้านหนึ่ง หากก็เป็นเรื่องดีในอีกมุมหนึ่ง บรรดานักแสดงขึ้นจอได้อย่างสมบทบาท รับ-ส่งกันได้สนุก มีสองหนุ่มสองวัย ชาซึงวอนกับคิมซูฮยอนเป็นศูนย์กลาง รายแรกคือ ทนายเรื้อน ๆ ที่ดูไม่มีฝีไม้ลายมือ แต่ด้วยบางสิ่งบางอย่าง ก็ทำให้รู้สึกเสมอว่า เขามีอะไรอยู่ในตัว แม้บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ดูเกินเลย หรือไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่า นี่คือตัวละครที่คลุกคลีอยู่กับโลกของกฎหมายข้างถนน คนในโลกมืดของสังคมเมืองตลอดเวลา ส่วนสตาร์ดังอย่างซูฮยอนก็ไม่ได้เป็นฮยอนซูแค่หน้าตา ภาพลักษณ์ ที่หลาย ๆ คนเอาใจช่วยในทันทีที่ถูกโยนเข้าห้องขัง หากยังแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวละครจากข้างในได้ดี ท่วงท่าที่แข็งกร้าวมากขึ้น แววตาที่ไม่ได้ดูสดใสอย่างที่เคยเป็น และดวงตาที่เหม่อลอยในฉากสุดท้ายของหนัง ก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ที่มีความสับสนซุกซ่อนอยู่ภายใน
ท้ายที่สุด ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละ และความรู้สึกผิดของใครบางคน จะทำให้ครรลองของกฎหมายเป็นไปอย่างที่ควรเป็น และชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้หลุดพ้นจากโลกที่ไม่สมควรเข้าไปได้สำเร็จ แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะชีวิตของเขาเปลี่ยนจากเดิมโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะหัวจิตหัวใจ ที่วันธรรมดาวันหนึ่งในชีวิตตอนนี้ ไม่ใช่วันธรรมดาวันหนึ่งเหมือนที่เคยเป็นไปอีกต่อไป
(ONE ORDINARY DAY ทางวิว)
โดย นพปฎล พลศิลป์
(เป็นกำลังใจให้ www.sadaos.com ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนเงินมาที่ shopsadaos@gmail.com เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้สนับสนุนที่โชคดีต่อไป)
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่