ANYBODY CAN DANCE 2: หรือ ABCD2 งานภาคต่อของ Anybody Can Dance ที่ชื่อให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากชื่อรายการประกวดเต้นรำอย่าง So You Think You can Dance ที่เห็นก็คงรู้ว่านี่ก็น่าจะเป็นหนังเพลง-เต้นรำในแบบเดียวกับ Step Up นั่นเอง
ถึงจะไม่ได้ดูภาคแรกมาก ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะดูไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้อะไรที่เชื่อมโยงกันจนละเลยไม่ได้ หนังจะว่าด้วยทีมเต้นรำระดับแชมป์ มุมไบ สตันเนอร์ ต้องถูกตัดจากการแข่งขัน เมื่อไปก็อปท่าเต้นของทีมนักเต้นฟิลิปปินส์ ออลสตาร์ จนสมาชิกในทีมถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง และบ้างก็ลาออกจากทีมไป แต่สุรุ-แกนนำพยายามหาทางกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา โดยมีทางออกก็คือ การแข่งขันการประกวดเต้นฮิพ-ฮอพเพื่อหาตัวแทนของอินเดียไปแข่งชิงแชมป์โลกที่ลาส เวกัส
เนื้อหาของหนังอยู่ในเส้นทางเดิมๆ ของหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหาสมาชิก การฝึกซ้อม การแข่งขัน ที่พวกเขาต้องผ่านไปถึงรอบชิงแชมป์โลกแน่ๆ แต่ก็มีอะไรอีกเยอะเกิดขึ้นในทีม เช่นเรื่องความรัก การกระทำของบางคนที่ทำให้ทีมเจอสถานการณ์ล่อแหลม ปัญหาการบาดเจ็บ ความขัดแย้งกับคู่แข่ง ซึ่งไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนจากหนังวัยรุ่นแข่งประชันความสามารถทั่วๆ ไป กระทั่งทีมของตัวเอก แม้จะเป็นหัวแถวในบ้านเกิด แต่เมื่อเป็นระดับโลก พวกเขาก็เป็นอันเดอร์ด็อ แบบที่เห็นกันในหนังทำนองนี้
แต่ถึงจะซ้ำซาก ก็ต้องยอมรับกันว่า หนังไม่ได้มีจุดขายอยู่ที่เรื่องราว เนื้อหา ฉากเต้นรำต่างหากที่เป็นของสำคัญ และ ABCD2 ก็จัดเต็ม มาใหญ่ สำหรับฉากเต้นรำทั้งหลาย ที่ดู “ใหญ่” กว่าหนังฮอลลีวูดด้วยซ้ำ การเต้นรำของนักแสดงในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน แข็งแรง น่าเชื่อถือ ในแบบนักเต้นรำจริงๆ สมกับที่เป็นหนังบอลลีวูด ที่เรื่องร้อง เล่น เต้นรำ มาครบ จัดหนักกันอย่แล้ว
ขณะที่เพลงในเรื่องก็ป็นป็อปแดนซ์ ที่ผสมผสานงานภารตะเข้ามาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะสองเพลงสุดท้ายของตัวเอกในการแข่งขัน และนอกจากความบันเทิง หนังก็ปลุกเร้าความเป็นชาตินิยมไปพร้อมๆ กัน
ในความไม่ใหม่ หนังก็แตกต่างจากหนังบอลลีวูดทั่วไป ตรงการเต้นรำที่ดูร่วมสมัย เป็นสากลมากกว่า และหากเทียบกับหนังเต้นแบบสากล ABCD2 ก็ดูใหญ่ อลัง และหนักแน่นกว่าในเรื่องของการเต้นรำ แล้วกับการเป็นหนังเต้น หนังก็ใช่และขายในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้อย่างไม่มีบกพร่อง
โดย นพปฎล พลศิลป์
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่