UNBROKEN: งานกำกับเรื่องที่ 2 ของแองเจลินา โจลี ที่เอาเรื่องของหลุยส์ แซมเปอรินี นักวิ่งฮีโรโอลิมปิคของอเมริกา ที่ชีวิตต้องเจอกับชะตากรรมสุดพลิกผัน เมื่อต้องไปเป็นทหารในหน่วยบินทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เครื่องบินของเขาถูกยิงตก ต้องลอยคอในทะเลเป็นเดือน ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ (หรือเปล่า?) จากทหารญี่ปุ่น มาขึ้นจอ โดยดัดแปลงมาจากหนังสือของ ลอรา ฮิลเลนแบรนด์อีกที)
ด้วยความเป็นคนดังบวกกับความเด็ดเดี่ยวที่แสดงออกต่อนายทหารญี่ปุ่นที่ควบคุมค่ายเชลย ทำให้แซมเปอรินีกลายเป็นเป้าในการถูกทำร้าย ข่มขู่ แต่เขาก็ต่อสู้ด้วยความออดทน และกำลังใจ แม้จะถูกทำร้ายยังไง ก็ไม่แสดงความอ่อนแอ หรือยอมแพ้ออกมา โดยมีความหวังว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะชนะสงคราม และพวกเขามีชีวิตรอด ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับในตอนที่ลอยทะเล
หนังแสดงให้เห็นวิบากกรรมสารพัดที่แซมเปอรินีต้องเผชิญ แต่ถึงจะเต็มไปด้วยภาพของตัวละครที่ถูกทำร้าย กดดัน บีบคั้น หนังก็ทำสำเร็จแค่ให้เห็นความน่าหวาดกลัวของการเป็นเชลยสงคราม แต่ไม่สามารถทำให้อินไปกับชะตากรรมของตัวละคร และอิ่มไปกับบทสรุปของหนังได้ ด้วยความที่นำเสนอความเป็นไปของแซมเปอรินีแบบไม่ต่างไปจากงานสารคดี บอกเล่าถึงสิ่งที่เขาเจอ และทำ มากกว่าจะลงไปถึงความรู้สึก และความหวังที่มีอยู่ในตัว พูดง่ายๆ ก็คือ หนังทำได้แค่ให้เห็น แต่ไม่ได้รู้สึก แถมตัวละครสำคัญอย่าง ผู้บัญชาการค่ายเชลยศึก ก็เป็นตัวละครมิติเดียว การแสดงเป็นการ์ตูน โดยที่ทำให้นึกถึงไมค์ จากกอล์ฟ-ไมค์ ตลอดทั้งเรื่อง
ทั้งๆ ที่หนังทำได้ดีมาตั้งแต่ต้นจนถึงเครื่องบินของเขาตกลงทะเล แล้วก็เหมือนลอยทะเลไปด้วยกัน เริ่มจากการอยู่ในแพชูชีพที่ยืดยาวราวกับเป็น All Is Lost และก็ซ้ำด้วยการทรมาน-ทรกรรมในค่ายเชลย ที่ไม่มีสถานการณ์แบบ “โดน” จังๆ จนรู้สึกว่าหนังเอาเหตุการณ์คล้ายๆ กันมาวนลูปให้ดูซ้ำไปซ้ำมา
ก่อนจะปิดจบในแบบที่พาความรู้สึกไปได้ไม่ถึงพีค ต่อมน้ำตาผู้ชมไม่แตก และไม่ได้หักความรู้สึกแบบสุดๆ จริงๆ ซึ่งก็เป็นอย่างที่ชื่อหนังเป็น
โดย นพปฎล พลศิลป์
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่