VELVET BUZZSAW: สูตรสำเร็จอย่างหนึ่งของหนังเน็ทฟลิกซ์ที่เห็นๆ กันเป็นประจำก็คือ การใช้ผู้กำกับหรือคนทำหนังที่มีชื่อมาทำงานให้ โดยมีพล็อตหรือเรื่องราวน่าสนใจ ตามด้วยใช้บริการของนักแสดงมีชื่อ มาทำให้หน้าหนังดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก ที่ต้องยอมรับกันก็คือ ส่วนใหญ่แล้วหนังจะดูดีแค่หน้าตา แต่รายละเอียดข้างในมีปัญหาไม่น้อย ขาดนิดขาดมากไปเรื่อยในแต่ละเรื่อง
กับบางเรื่องอาจจะไม่ขาด ไม่เกิน แต่ก็ต้องอาศัยความเข้าใจ หรือการตีความเฉพาะตัวมาช่วย อย่างเช่นเรื่องนี้ Velvet Buzzsaw ผลงานการกำกับ-เขียนบทของแดน กิลรอย มือเขียนบทและผู้กำกับ ที่มีเครดิตในกระเป๋า อาทิ เขียนบท Kong: The Skull Island, The Bourne Legacy, Two for the Money รวมไปถึงเขียนบท-กำกับ Nightcrawler ที่มีเจค กิลเลนฮาลรับบทนำเช่นเดียวกับเรื่องนี้
ใน Velvet Buzzsaw กิลเลนฮาลเล่นเป็นนักวิจารณ์งานศิลปะชื่อดัง ที่มีส่วนรู้เห็นกับการเอาภาพของจิตรกรโนเนมผู้จากไปมาขาย โดยเมื่อภาพของจิตรกรรายดังกล่าว เข้าสู่ตลาดงานศิลปะก็มีสิ่งลึกลับเกิดขึ้นกับผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของแกลลอรีที่นำงานไปแสดง, นายหน้าที่ดูแลงานชุดนี้, เจ้าของแกลลอรีคู่แข่งที่พยายามหาที่มาของจิตรกรที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว
ซึ่งเล่นกันถึงตายกันเลยทีเดียว
นอกจากกิลเลนฮาลที่ขึ้นจอด้วยภาพลักษณ์ที่ทำให้นึกถึงแอนดี วอร์ฮอล ยังมีนักแสดงดังๆ อย่าง เรเน รุสโซ มารับบทเจ้าของแกลลอรี ที่เป็นอดีตร็อคเกอร์สาวสมาชิกวงดนตรีที่เป็นชื่อเรื่อง ซึ่งละม้ายวงดนตรี Velvet Underground ที่อยู่ใต้ร่มเงาของวอร์ฮอล, โทนี คอลเล็ทท์ ที่ผมเผ้าราวกับเป็นแอนนา วินทัวร์ ในบทเจ้าของแกลลอรีคู่แข่งกับรายแรก แล้วก็ยังมีจอห์น มัลโควิช – จิตรกรที่เจอสภาวะตีบตันทางไอเดีย
เรียกว่างานนี้ ‘แข็ง’ ทั้งคนทำหนัง ‘แรง’ ทั้งนักแสดง ตัวเรื่องเองก็มาพร้อมกับความแปลก และหากได้ชม นี่ก็คือหนังที่หากไม่ชอบก็คงต้องเกลียดกันไปเลย กับการเป็นงานเสียดสีแวดวงศิลปะ ที่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ว่ากันที่ความลุ่มลึกของผลงาน เป็นการปั้นให้ดัง สร้างกระแสให้ติดแล้วก็ขาย มากกว่าให้เนื้องานขายตัวเองจริงๆ และโดยที่ไม่สนความตั้งใจจริงของศิลปินด้วยซ้ำ
ภายใต้แนวทางหนังซึ่งผสมผสานกันระหว่าง เป็นหนังตลกร้ายเสียดสี และหนังลึกลับ รวมไปถึงานแฟนตาซี สยองขวัญ เหนือธรรมชาติ หากก็ปั่นกวนเข้าด้วยกันได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ รวมไปถึงรายละเอียดที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของตัวละครบางรายก็ไม่ได้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือไปซะทั้งหมด
โดยเฉพาะมูลเหตุในการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของตัวละครที่รับบทโดยเจค กิลเลนฮาล
เลยทำให้หนังกลายเป็นงานที่บางเบา ไม่เข้มข้นอะไรนัก และในขณะเดียวกันในความเป็นงานลี้ลับ สยองขวัญ Velvet Buzzsaw ก็ทำไม่ถึง เมื่อไม่รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัว หรือความน่าหวาดหวั่นของพลังบางอย่างที่มีอยู่ในภาพของจิตรกรผู้จากไปเลย
ที่หากมองในมุมหนึ่ง ก็อาจจะเป็นความตั้งใจของแดน กิลรอยที่ทำให้หนังออกมาประดักประเดิดอย่างที่เห็น เพื่อย้ำถึงโลกของศิลปะที่เต็มไปด้วยผู้คนและชีวิตที่มีเอกภาพในตัวเอง ความผิดปกติที่ไม่เข้ากัน แล้วหากรู้จักเซเล็บทั้งหลายในแวดวงนี้ก็น่าจะสนุกไปกับการล้อเลียนคนดังๆ ผ่านตัวละครในเรื่อง ที่หลายๆ สถานการณ์ไม่ต่างไปจากการกัด หยิก ผู้คนที่ทำ ‘ธุรกิจ’ ศิลปะ
ท้ายที่สุดแล้ว Velvet Buzzsaw ก็คืองานเฉพาะกลุ่ม ที่น่าจะสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนที่รับรู้เรื่องราวในแวดวงนี้ หรือจับติดแง่มุมเสียดสีทั้งหลายที่หนังพยายามนำเสนอได้
แต่ถ้าไม่รู้จักและจับไม่เจอ นี่ก็คืองานที่ดูจบแล้วก็คงต้องบ่นกับตัวเองว่า “มัน… อะไรกันวะ”
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1276 ปักษ์หลังมีนาคม 2562