
ชูเอา จิลแบร์โต หนึ่งผู้สร้างสรรค์ดนตรีบอสซา โนวาที่เป็นส่วนหนึ่งของดนตรีบราซิเลียน ให้เป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของบราซิล จากไปแล้วในวัย 88 ปี โดยชูเอา มาร์เซโล จิลแบร์โต ลูกชายเป็นคนแจ้งข่าวผ่านเฟซบุค โดยไม่ระบุสาเหตุ, วันเวลา และสถานที่ในการเสียชีวิตของอีกหนึ่งตำนานแห่งวงการดนตรีโลก
ด้วยซิงเกิล “Chega de Saudade” เมื่อปี 1958 จิลแบร์โตที่อายุยี่สิบปลายๆ ได้สร้างดนตรีที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของเสียงประสานและจังหวะจะโคน เข้ากับเนื้อร้องอย่างลงตัว ที่เรียกว่าบอสซา โนวา ซึ่งแปลว่า สิ่งใหม่ หรือ สไตล์ใหม่ โดยเขาทำเพลงนี้กับแอนโตนิโอ คาร์ลอส โชบิม, ชูเอา โดนาโต, วินิเซียส เดอ มาราเอส แล้วในเพลงที่เขาบันทึกเสียงตั้งแต่ปี 1958 – 1961 ไม่ว่าจะเป็นในอัลบัม Chega de Saudade, O Amor, O Sorriso e a Flor และ Joao Gilberto จิลแบร์โตนำความขึงขังของดนตรีแซมบา, ป็อปแบบอเมริกัน แล้วก็แจ๊ซซ์ มาสร้างดนตรีสำหรับคนเมืองรุ่นใหม่ในบราซิล ส่งให้ดนตรีบอสซา โนวาเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงบราซิลยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ด้วยความนิยมที่ได้รับโดยเฉพาะในสหรัฐ อเมริกา จิลแบร์โตถูกเชิญไปเล่นที่คาร์เนกี ฮอลล์ รวมถึงประสบความสำเร็จบนเวทีแกรมมี อวอร์ด เมื่ออัลบัม The Girl From Ipanema ซึ่งเขาร่วมงานกับมือแซ็กโซโฟน แจ๊ซซ์ สแตน เก็ทซ์ ที่มีซิงเกิลเพลงอมตะชื่อเดียวกับอัลบัมคว้ารางวัลอัลบัมแห่งปี ในปี 1964 มาครอง
จิลแบร์โตใช้การเล่นพิคกิงกีตาร์ มาแทนที่เครื่องเคาะของดนตรีแซมบา ซึ่งเป็นโครงสร้างที่แตกต่างไปจากที่คุ้นเคย ส่วนการร้องก็เน้นให้เข้ากับจังหวะโดยไม่พยายามโชว์พลังเสียงออกมา “ตอนผมร้อง ผมคิดถึงสภาพแวดล้อมที่ปลอดโปร่ง, กระจ่างตา แล้วพยายามสร้างเสียงที่ไปอยู่ข้างในนั้น” จิลแบร์โต ว่าเอาไว้ในปี 1968 “มันเหมือนการเขียนอะไรลงไปในกระดาษเปล่า สำหรับผม มันต้องเงียบมากๆ เพื่อสร้างเสียงในแบบที่ผมคิดไว้ออกมา”
จิลแบร์โต ไม่ใช่นักแต่งเพลงสักเท่าไหร่ แต่เขาเป็น “คอมโพเซอร์ ไม่น้อยและไม่มากกว่านั้น” คาเอตาโน เวโลโซ นักร้อง/ นักแต่งเพลงชาวบราซิลที่ชื่นชมเขาว่าเอาไว้ จิลแบร์โตเป็นพวกรักสันโดษและยากจะได้เห็นเขาตามสื่อหรือใกล้ชิดกับแฟนเพลง บางครั้งก็แสดงความรุนแรงออกมา เมื่อระบบเสียงบนเวทีไม่ได้ดั่งใจ แต่ถึงบุคลิกส่วนตัวจะเป็นแบบนั้น งานของเขาก็คือสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง, โรแมนติค และมุมมองในทางบวกของบราซิล ท่ามกลางยุคสมัยของประธานาธิบดี จัสเซลิโน คูบิทเช็ค ตอนปลายยุค 1950s
ชูเอา จิลแบร์โต มีชื่อจริงๆ ว่า ชูเอา จิลแบร์โต โด พราโด เปไรรา เดอ โอลิเวียรา เกิดเมื่อ 10 มิถุนายน 1931 ในชูเอเซโร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบาเฮีย พ่อเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นส่วนแม่เป็นนักดนตรีสมัครเล่น แม้จะถูกส่งอยู่โรงเรียนประจำตอนอายุ 11 ขวบ แต่จิลแบร์โตก็เลือกที่จะออกมาเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 15 โดยเป็นนักดนตรีในยามค่ำคืนใต้ต้นมะขามที่ย่านกลางมืองชูเอไซโร และมีความโดดเด่นจากเสียงร้องที่มีพลัง รู้สึกถึงความโรแมนติค ในสไตล์นักร้องเพลงแซมบาเสียงละมุน
จากนั้นก็ย้ายไปเล่นดนตรีในหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นริโอ เดอ จาไนโร, ปอร์โต อเลเกร และไดอาแมนตินา ซึ่งที่นี่เขาอยู่ทีี่บ้านของดาดาอิญา พี่สาว ซึ่งทำให้พบความสุขจากการเป็นศิลปินผู้แปลกแยก ด้วยการปลีกวิเวกอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องน้ำ และซาวนด์แบบจิลแบร์โตก็เกิดขึ้น เมื่อเสียงสะท้อนของเครื่องดนตรีอะคูสติคในห้อง มากพอที่จะทำให้เขาฝึกการร้องกระซิบ, ใช้เสียงร้องขึ้นจมูก ที่คลอไปในระดับเดียวกับเสียงกีตาร์ และเมื่อกลับมาที่ริโอฯ ในปี 1957 และได้พบกับแอนโตนิโอ คาร์ลอส โชบิม มือเรียบเรียงของค่ายเพลงโอเดียน เรคอร์ดส์ ที่ได้ยินการเล่นกีตาร์ของจิลแบร์โตแล้วเกิดไอเดียบางอย่าง ซึ่งสามารถมาปรับใช้กับเพลง “Chega de Saudade” ของเขาที่ยังทำไม่เสร็จได้
และเมื่อสำเร็จเรียบร้อย ปล่อยออกมาในปี 1958 มันก็กลายเป็นตัวอย่างแรกที่เป็นรูปธรรมของการเล่นกีตาร์ในสไตล์บอสซา โนวา ที่วันนี้ผู้ให้กำเนิดได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันหวลกลับ เหลือไว้แต่งานเพลง และเรื่องเล่าขานถึงคุณพ่อแห่งดนตรีบอสซา โนวาไปอีกนานเท่านาน
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ด้วยความรำลึกถึง ชูเอา จิลแบร์โต คุณพ่อบอสซา โนวาผู้จากไป คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 10 กรกฎาคม 2562