
เมื่อวานพาไปฟังเพลงวันแม่ จากการเลือกสรรของจู๊ด โรเจอร์ แห่งเว็บไซท์ The Guardian กันเป็นประเดิม 5 เพลงซึ่งมี Treat Your Mother Right ของ มร. ที, Little Green โดยโจนิ มิทเชลล์, Let It Be จาก The Beatles, Coat of Many Colours ของ ดอลลี พาร์ตัน และ O Superman โดย ลอรี แอนเดอร์สัน ซึ่งทุกเพลงสามารถหาชมและฟังได้จากเว็บยูทูบเหมือนเดิม และวันนี้จะมาพบกับอีก 5 เพลงที่เหลือ
The Cruel Mother – เชอร์ลีย์ คอลลินส์ (1959): เพลงเกี่ยวกับแม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงหวานๆ หรือเน้นอารมณ์ความรู้สึกเสมอไป และที่มาของเพลงบัลลาดฆาตกรรมในยุคโบราณ เรื่องราวแสนพลิกผันเพลงนี้ มาจากสก็อตแลนด์ เมื่อลูกสาวข้าหลวงหนุ่มให้กำเนิดลูกแฝดเพศชาย หลังโดนคนรักหักหลัง ทันทีที่ให้กำเนิดพวกเขา เธอฆ่าทารกทั้งสองคนแล้วฝังไว้ แล้วก็ไปเห็นเด็กชาย 2 คนกำลังเล่นบอลล์ เธอบอกพวกเขาว่า อยากจะเอาผ้าไหมหุ้มพวกเขาเอาไว้ จากนั้นวิญญาณลูกๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมบอกว่า เธอจะตกอยู่ในเปลวเพลิงนรกถึง 7 ปี เรื่องราวที่ถูกเล่าในแบบของคอลลินส์ อาจทำให้รู้สึกเศร้าจับใจในโศกนาฏกรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ยังมีศิลปินอีกหลายรายที่หยิบเอาเรื่องนี้มาเล่าต่อ เช่น มาร์ติน คาร์ธี, โจน เบซ และอลาสแดร์ โรเบิร์ทส์
Only One – คานเย่ เวสท์ กับ พอล แม็คคาร์ทนีย์ (2015): เพลงฮิพ-ฮ็อพมักแสดงให้เห็นชายผู้หยาบกระด้างที่ละลายให้กับความรักของแม่จนกลายเป็นธรรมเนียม จะเป็นทูพัค ชาเคอร์ หรือโกสท์เฟซ คิลลาห์ ไปจนถึงสนูพ ด็อกก์ ต่างก็มีเพลงแบบนี้ คานเย่เองก็มี Hey Mama ที่พรั่งพรูถึงแม่ในปี 2005 และกับอัลบั้ม808s & Heartbreak เมื่อปี 2008 ก็ได้อิทธิพลจากการเสียชีวิตของแม่ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดเสริมความงามอยู่ในงานเต็มๆ คานเย่ยังต่อสู้กับความเศร้าโศกที่เกาะกุมจิตใจ และเพลงนี้ก็เป็นเรื่องราวมุมมองของแม่ ที่เรียกเขาด้วยชื่อกลาง โอมารี และส่งนางฟ้า 2 องค์มาอยู่กับเขา ซึ่งน่าจะเป็นนัยที่หมายถึง คิม-ภรรยากับนอร์ธ – ลูกสาวของเขา ขณะที่เสียงเปียโนของแม็คคาร์ทนีย์ ก็ย้ำถึงเรื่องราวเหล่านั้นอีกที
Hollow – บียอร์ค (2011): บียอร์คเคยแต่งเพลงเกี่ยวกับอิซาดอรา-ลูกสาว ชื่อ Mouth’s Cradle ในปี 2004 ซึ่งเล่าถึงประสบการณ์การให้นมลูกที่ดูไม่ปกติตามสไตล์ของเธอ “The simplicity of the ghost-like beast/ The purity of what it wants and where it goes” แต่เพลงนี้จากอัลบั้ม Biophilia ในปี 2011 สร้างภาพของแม่ที่ดูยิ่งใหญ่กว่ามาก บียอร์คจินตนาการถึงบรรดาหญิงสาวในวัยเจริญพันธุ์ ที่มาอยู่ร่วมกัน และพวกเขาสามารถเชื่อมต่อกันเหมือนกับสร้อยคอลูกปัด ซึ่งเธอเองก็อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วย เมื่อดูจากเนื้อร้องที่ว่า “Thread me upon this chain… I yearn to belong, let me belong, let me belong.”
Our House – Madness (1982): มองโดยผิวเผิน เพลงนี้จะว่าด้วยความอลหม่านของชีวิตครอบครัว บ้านที่หมุนรอบตัวแม่ผู้ปรับตัวเข้ากับความเป็นไปในบ้านได้เป็นอย่างดี แม่อาจจะเป็นเผด็จการในตอนแรกของเพลง “Nothing ever slows her down/ And a mess is not allowed” แต่ก็เป็นคนที่ทำงานหนัก “Father gets up late for work/ Mother has to iron his shirt” ขณะที่ในตอนท้าย แม่ถูกพูดถึงอีกครั้งก่อนที่จะเข้าท่อนแยก และเสียงร้องของแกรห์ม แม็คเฟอร์สัน ก็บ่งบอกถึงความสุขว่ามากมายขนาดไหนในวัยเด็กของตัวเอง และจากที่เนื้อร้องว่าเอาไว้ แม่ก็คือ “She’s the one they’re going to miss,” และ “in lots of ways.”
Ring Off – บียอนเซ่ (2014): บียอนเซ่เป็นศิลปินที่หนุนเรื่องสิทธิสตรีอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 หนึ่งในเพลงใหม่ของอัลบั้มชุดที่ 5 ที่ใช้ชื่อเธอเป็นชื่ออัลบั้มที่เป็นฉบับดีลักซ์ บียอนเซ่ก็ยกย่องแม่ของเธอที่จัดการกับความเจ้าชู้ของพ่อ ซึ่งเป็นคนดูแลหน้าที่การงานให้บียอนเซ่มาตลอดจนถึงปี 2011 ได้สำเร็จ “Mama, after all them years/ We can start all over again… Mama, we can love again/ This is where freedom begins.” เนื้อร้องบอกเอาไว้ ขณะที่ในตอนจบของเพลงทินา โนว์ลส์ แม่ของบียอนเซ่ ก็นำเสนอชีวิตของตัวเธอ ด้วยเสียงพูดของตัวเอง “If you’re going through it, just know: it’s called ‘going THROUGH it’/ You’re not gonna get stuck there, you’re not gonna die/ You’re gonna survive.”
จากเรื่อง เพลงของแม่ (จบ) โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 13 สิงหาคม 2558
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่