– คำพูดสุดท้ายของเอริค คิลล์มองเกอร์ ที่รับบทโดยไมเคิล บี. จอร์แดน ในหนัง Black Panther ถือว่าเป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของหนังที่ออกฉายในปี 2018 ถ้ายังจำได้ เราจะได้เห็น นักสู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่งมองไปถึงแสงสว่างอันเรืองรองของวาคาดา ข้างๆ ที’ชัลลา (แชดวิค บอสแมน) คู่ปรับคนสำคัญ แล้วพูดประโยคที่จริงโคตรๆ จริงที่สุดในหนังมาร์เวลก็ว่าได้ “ฝังฉันไว้ในมหาสมุทร ร่วมกับบรรพบุรุษของฉันที่ต้องโดดลงจากเรือ เพราะพวกเขารู้ว่า ความตายมันดีกว่ากลายเป็นทาส” - แม้จะเป็นฉากสำคัญ แถมบทพูดก็ถือว่าเป็นบทพูดระดับตำนาน แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนจบดั้งเดิมของหนังไม่ใช่แบบนี้ โดยคนที่เปิดเผยเรื่องนี้ก็คือ ไมเคิล ชอว์เวอร์ ผู้ตัดต่อหนัง ที่เล่าว่า ไรอัน คูกเลอร์ ผู้กำกับ ตัดสินใจถ่ายทำฉากจบขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
– “ไรอันอยากได้ตอนจบใหม่ ด้วยการถ่ายทำใหม่ และเป็นฉากที่อลังการมากขึ้นสำหรับการจากไปของคิลล์มองเกอร์ ในฉากจบดั้งเดิมที่เราถ่ายกัน ตามบท คิลล์มองเกอร์จะพูดว่า ‘มันสวยงานเหลือเกิด แต่นายจะทำอะไรเพื่อทุกคนในโลกนี้ ที่ไม่เห็นอะไรแบบนี้?’ ซึ่งมันก็เยี่ยม ทรงพลัง น่าทึ่ง แต่มันก็มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น อย่างแรก เราตระหนักได้ว่า นี่ก็แค่ตัวละครตัวหนึ่งในความเป็นไปของที’ชัลลา เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ในหนังเรื่องนี้ และเขาอยากทำอะไรจากตัวร้ายล่ะ อย่าง แสดงออกมาตรงๆ ว่าเขาต้องการอะไร นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วก็สอง… มันเป็นฉากที่การแสดงเจ๋งมาก และไมเคิล บี. จอร์แดนก็เล่นโคตรดี มันเลยเป็นความเจ็บปวกที่ได้เห็น เพราะคุณคงไม่อยากให้เขาตาย แต่มันไม่เข้ากับตัวละครน่ะ”
- คูกเลอร์มีเป้าอยู่แล้ว ด้วยการแสดงให้เห็นตัวละครเอกของหนังเติบโตและเปลี่ยนไปในทางที่ถูกที่ควร ซึ่งที’ชัลลาทำในตอนจบด้วยการตัดสินใจแบ่งปันเทคโนโลยีของวาคานดา ที่ถูกเก็บซ่อนมานานกับโลกที่ต้องการมันอย่างมาก แต่เพื่อจะให้ได้รับบทเรียนจนต้องทำแบบนั้น ก็ต้องมีการย้ำชัดๆ จากตัวละครอีกตัวหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบ… อะไรแย่ๆ อย่าง การบอกว่าอย่าเอาไปให้เห็น ซึ่งยังเป็นการแสดงบุคลิกภาพที่เปราะบางของที’ชัลลาโดยรวมอีกต่างหาก
- ชอว์เวอร์ เสริมว่าตอนจบแบบใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจอย่างที่ไม่มีใครคิดมาก่อน จากหนัง The Godfather ของฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโปลา แต่ที’ชัลลาไม่ได้กลายเป็นพวกขายวิญญาณ แล้วฝังตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักผิดกฏหมายของครอบครัวเหมือนไมเคิล คอร์ลีโอเน หากทั้งคู่ต่างร่วมเดินทางไปตาม “วัฏจักรทางธรรมชาติ” ด้วยการกลายเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ใช่ในตอนต้น