ถ้าทำหนังมีเก่ง บวก เฮง…
นักร้องที่ผ่านการคัดเลือกในรายการ เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ ที่ สนจ. ติดตามดูหลังออกอากาศ มาตลอดทุกสัปดาห์ จนมาถึงรอบถีบร่วง ทั้ง 8 คน ต่อโค้ช ผู้จัดการส่วนตัว พระพี่เลี้ยง..ทั้ง 4 คน..ก็ถือได้ว่ามีฝีมือ มีเนื้อเสียง มีทักษะ มีความสามารถ มีพรสวรรค์..
แต่พูดก็พูดเถิด ถ้าเอาหู..ของ สนจ. ตัดสิน หลายคนพอมองเห็นเลยว่า ไม่น่าจะรอดรอบถีบร่วง เมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยหลายอย่างที่เป็นองค์ประกอบ ถ้าดูกันจากรอบตาบอด มาถึงรอบปะฉะดะ…นักร้องบางคนกรรมการหันมา ”จะเอา” กันทั้งหมด 4 คน แต่บางคนก็หันมาไม่ครบทั้ง 4 แต่พอคัดไปคัดไป ไม่แน่หรอก พวกที่กรรมการจะ ”เอากันหมด” ร่วงระเนระนาด ปีที่ผ่านมา..น้องนนท์ นี่โค้ชก็ไม่ได้หันมาทั้งหมด เพราะไอ้หนุ่มมันร้องเพลงสตริง..แต่พอมันขึ้นเพลงลูกทุ่งเท่านั้นแหละ โจอี้ บอย ร้อง ”เฮ้ย ทำไมมึงไม่ร้องเพลงนี้วะ…”
ปีนี้ก็น่าจะมาอีหรอบเดิม…
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีอยู่สองคู่เองที่ สนจ. ถือว่าผ่าน นอกนั้นเข้าไปก็ไม่น่าจะรอด..
คู่แรกเลยก็คือ คู่นักร้องชาย ที่คนหนึ่งเคยเขียนเพลงมีเพลงมาก่อน อีกคนก็เป็นนักร้องที่มีประสบการณ์ ทั้งคู่ดวลกันด้วยเพลง เมื่อกูเป็นชู้กับนีนังโจน….- me and mrs. jone ต้องถือว่าเป็น คนไทยที่ร้องเพล ”ฝรั่ง” ได้ดีทั้งคู่
โดยเฉพาะ นัท.. ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มรายนี้ มีเนื้อเสียงและสำเนียง โชล ของคนผิวสี..ในแบบที่ถ้าฟังกันโดยไม่ดูหน้ามองจอ..ก็เดายากเหมือนกันว่าคนชาติไหนร้อง.. ส่วนอีกหนุ่มก็ถือว่า มาตรฐานการร้องเพลงแนวนี้อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่พอเอ่อเอื้อนคำแรกของคำร้อง..
สนจ. ฟังปุ๊บบอกได้ปั๊บเลยว่า ขาดไหมขาด มาไหมมา…
ส่วนอีกคู่ที่ถือว่าดีและน่าจะเป็นคู่ที่ดีที่สุดในสองคู่ของสัปดาห์ล่าสุดก็คือ นิก กับ ครูแก้ว..
โดยเฉพาะ นิก …สาวที่ดูเหมือนทอมบอย…แค่ท่อนแรกของทั้งสอง สนจ. ฟันธงในใจไว้เลยว่า ครูแก้วคงได้กลับไปสอนดนตรีเด็กแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากหูที่ฟัง เฉพาะนิก.. สนจ. ว่าน้ำเสียงของเธอและลีลา มาทางเดียวกับ ธีร์ ไชยเดช..นักร้องมุสลิม นักเรียนนอกและเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของวิทยุการบิน เป็นเสียงที่ไม่ต้องปรุงแต่ง หรือดีไซน์อะไรเลย เนื้อๆ ของแท้ล้วนๆ
เห็นได้ชัดๆ ว่า.. นักร้องแต่ละคนพอมาเจอกันรอบปะฉะดะ..ก็ขึ้นอยู่กับการจับคู่ แนวของเพลง เนื้อเสียง และสไตล์ที่แต่ละคนถนัด และทำได้ดี ซึ่งโค้ชจะเป็นคนจับคู่และเลือกเพลง แม้จะมีคนหนึ่งถูกเลือกเข้าไป แต่ก็พอจะเห็นวี่แววล่ะว่า จะไปได้สักกี่น้ำ เอ้ยกี่รอบ
เพราะรอบต่อๆ นี่ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ประกวด แนวที่ถนัด เพลงที่โค้ชเลือกให้ และการทำ ”ดนตรี” เพื่อการเล่นสด องค์ประกอบพวกนี้แหละที่จะมีส่วนให้บรรดาพวกที่เข้ารอบทั้ง 8 มีสิทธิ์พลิกผันได้เหมือนกัน ไอ้แบบเห็นๆ ในรอบแรกรอบสองว่าโอเค..เหนือชั้น ก็มีสิทธิ์เป๋ และตกรอบได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีเหตุ และปัจจัยอย่างที่ว่า
เคยเขียนไปเมื่อปีก่อนว่า ในบรรดาโค้ชทั้ง 4 คน ไอ้โจอี้ ..เป็นโค้ชที่ สนจ. ว่าเขาเหมาะมากๆ ที่จะเป็น ”โปรดิวเซอร์” ให้กับพวกนักร้องหน้าใหม่ รุ่นน้องๆ แนวความคิดในการทำโชว์แต่ละเพลง เต็มไปด้วยสีสัน และการสร้างสรรค์ ตามสไตล์แร็พเปอร์ ฮิเหาะ ของเขา..ส่วนคนอื่นๆ สนจ.ว่าอยู่ในแพทเทิร์น มาตรฐานธรรมดาๆ… ตามรสนิยม และจริตของแต่ละโค้ช เพราะทุกคนต่างเป็น ”มืออาชีพ” กันหมดทุกคน
ก็ดีครับ อาทิตย์หนึ่งมีรายการร้องเพลงที่เข้าท่ากว่ารายการอื่นๆ มาให้นั่งกดไล่ดูกันทีหนึ่ง
เบื่อละครน้ำเน่า และข่าวการเมืองเรื่องเฮงซวย ที่ตะบี้ตะบัน ดันทุรังกันไม่เลิกไม่รา อีกไม่กี่วันก็จะหมดปีกันแล้ว บัญชีต้องปิดงบดุล เงินทองที่ต้องหามาเพื่อปิดบัญชี ล้างหนี้ จ่ายโบนัสลูกน้อง ยังไม่รู้จะยังไง พวกเพ่ดันออกมาเย้วๆ ไปดูเขารวยไปช่วยเขาวิ่ง วิ่งแล้วรวยก็ไม่ได้รวยไปกับเขา วาสนาชะตาขาดมาก็ตายหรือไม่ก็ติดคุกก็เอาครับ..เรามันประเทศเสรี..อยากทำอะไรก็ทำก็แล้วกัน มีอะไรมาก็โดนกันหมดทั้งประเทศนั่นแหละ บ้านเมืองของ สนจ. คนเดียวเสียเมื่อไหร่..ก็ขอเชิญว่ากันไปตามอัธยาศัย
แทนที่จะออกไปม็อบ..อยู่บ้านนั่งดูเดอะ วอยซ์ ดีกว่า…ฮา
จากเรื่อง นักร้อง เพลง โค้ช.. โดย สนานจิตต์ บางสพาน คอลัมน์ โลกมายา หนังสือพิมพ์สยามดารา วันที่ 13 พฤศจิกายน 2556