ผลลัพธ์ของสัญญามูลค่า 30 ล้านเหรียญของยูทูว์

ภาพ: โบโน (ซ้าย) กับพอล แมคกินเนสส์

ตอนแรก อ่านได้ที่ http://bit.ly/1gD07M8

หลังอยู่ในการดูแลของพอล แมคกินเนสส์มานาน เมื่อบริษัทจัดการศิลปินของแมคกินเนส์ ถูกไลฟ์ เนชันบริษัทจัดคอนเสิร์ทชื่อดังซื้อกิจการในราคา 30 ล้านเหรียญ ทำให้ยูทูว์ ต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของผู้จัดการบริษัทมาเวอริค บริษัทบริหารจัดการศิลปินที่อยู่เบื้องหลังของมาดอนนา ซึ่งไลฟ์ เนชัน ซื้อกิจการมาก่อนหน้า

[one_two][/one_two]

งานนี้ถือว่าเป็นการยึดหนึ่งในวงดนตรีระดับบิ๊กของโลก โดยโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หลังขายบริษัท พอล แมคกินเนสส์ ที่ดูแลยูทูว์มาตั้งแต่เริ่มต้น จะไปกินตำแหน่งลอยๆ ที่เรียกว่าประธาน ขณะที่คนดูแลวงจะเป็น กาย โอเซียรี ผู้จัดการของมาดอนนา คำถามที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับยูทูว์ นี่คือ ความเห็นของนีล แมคคอร์มิค นักเขียนเจ้าของหนังสือที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Killing Bono และเพื่อนของสมาชิกในวงยูทูว์ตั้งแต่ยังเรียนในระดับไฮสคูล

แมคกินเนสส์เอง ก็เหมือนกับผู้จัดการศิลปินส่วนใหญ่ที่ทำหน้าที่บริหารศิลปิน หรือวงดนตรีที่มีอายุไล่เลี่ยกันกับเขา โดยโบโน นักร้องนำของยูทูว์ อายุ 53 ปีแล้ว ส่วนตัวเขาอายุ 64 ปี ตลอดเวลาที่ทางวงเติบโต แมคกินเนสส์ก็มีความมั่นคง มั่งคั่ง ตามไปด้วย แต่การที่เขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ในช่วงที่ทางวงจะเร่งเกียร์ในการทำงานอีกครั้งด้วยการออกอัลบั้ม และออกทัวร์ บางทีอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของแมคกินเนสส์ ที่ให้คนหนุ่มอย่างโอเซียรีที่อายุเพียง 41 ปีเข้ามาดูแลจัดการแทน

จากเว็บบอร์ด และการพูดคุยกันในทวิตเตอร์ของแฟนๆ วงยูทูว์ ส่วนใหญ่แสดงอาการกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะคนที่มองเห็น วงดนตรีวงนี้เติบโตมาจากการบริหารผ่านโทรศัพท์ในบ้านของแมคกินเนสส์ แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากมองกันดีๆ หลายๆ อย่างอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะหลายๆ คนคงรู้ดีอยู่แล้วว่า โบโนต่างหากที่เป็นคนบริหารยูทูว์จริงๆ ในช่วงหลัง

หรืออย่างน้อยที่สุด โบโนก็เป็นคนนำวง ทั้งในเรื่องของสปิริต, ความคิดในภาพรวม, ความมีสง่าราศี และพลัง ส่วน ดิ เอดจ์ จะทำหน้าที่เป็นผู้นำในเรื่องของดนตรี มือเบส-อดัม เคลย์ตัน และมือกลอง แลร์รี มุลเลน จูเนียร์ จะเป็นที่ปรึกษาผู้ปราดเปรื่อง ในการทำให้นาวายูทูว์แล่นไปได้อย่างมั่นคง สำหรับทุกการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ของวง จะทำโดยการโหวทแบบประชาธิปไตย แต่ก็เป็นประชาธิปไตยในแบบที่มุลเลนบอกว่า “คงมีเพียงกรีกในยุคโบราณเท่านั้นละมั้ง ที่ประชาธิปไตยเป็นพลังอยู่ในมือของทุกคน เพราะถ้าคุณอยู่ในวงที่มีใครบางคนเสียงดัง, ช่างพูด, ช่างต่อรอง และช่างชักนำอย่างโบโน เรื่องต่างๆ มันก็กลายเป็นไม่ง่ายสำหรับพวกเรา“

นอกจากนี้แมคกินเนสส์ยังถูกมองว่าเป็นสมาชิกคนที่ 5 ของยูทูว์ เมื่อได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไร และมีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนเท่าๆ กับสมาชิกในวง แม้จะไม่ใช่ผู้บริหารวงดนตรีวงนี้โดยตรงอีกต่อไป แต่เป็นไปได้ว่าเขาก็พร้อมเสมอสำหรับการวางกลยุทธในภาพรวม ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา โดยเฉพาะการสร้างสมดุลย์ระหว่างแรงกระตุ้นในความเป็นศิลปินของวง กับหลักการพื้นฐานที่ว่า วงดนตรีของพวกเขาเป็นธุรกิจหนึ่ง และสิ่งที่สมาชิกในวงต้องทำคือ เงิน นี่คือสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน และประสบการณ์ใดๆ ก็ตามในการทำงานจัดการศิลปินในโลกร็อคแอนด์โรลล์ที่แสนหวือหวา จะบอกได้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

(ตอนสุดท้ายอ่านได้ที่ http://bit.ly/1l6qeeT)

จากเรื่อง ผลลัพธ์ของสัญญามูลค่า 30 ล้านเหรียญของยูทูว์ โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556