FEATURESMovie Features

ย้อนอดีตปรากฏการณ์จากหนังคุณแม่วัยใส Juno

ด้วยงบสร้างเพียงแค่ 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ‘Juno’ เอาชนะทุกการคาดการณ์ที่มีต่อหนังด้วยการทำรายได้ถึง 231 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก เข้าชิงออสการ์ 4 รางวัล ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ หนังยอดเยี่ยม รวมทั้งทำสถิติเป็นหนังของฟ็อกซ์ เสิร์ชไลท์เรื่องแรกที่ทำเงินเกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐบนบ็อกซ์ออฟฟิศ ในหนังที่เจสัน ไรต์แมนกำกับเรื่องนี้ เอลเลน เพจรับบทวัยรุ่นสาวที่เป็นชื่อเรื่อง เธอตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจกับแฟนหนุ่ม พอลี (ไมเคิล เซรา) แต่แทนที่จะทำแท้ง จูโนเลือกจะเก็บเด็กไว้จนคลอดออกมา เพื่อยกให้กับคู่สามี-ภรรยา มาร์กและวาเนสซา ลอริง (เจสัน เบตแมนและเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์)

หนังสือของไดอะโบล โคดี

อดีตสาวนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ไดอะโบล โคดี เจ้าของหนังสือชื่อ ‘Candy Girl: A Year in the Life of an Unlikely Stripper’ ที่ตีพิมพ์ออกมาในปี 2005 คือคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นงานเรื่องแรกในชีวิตของเธอ และคว้ารางวัลออสการ์บทดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปครองในปี 2008 ตัวหนังกลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่มีแรงหนุนส่งเป็น ทีมนักแสดงที่แข็งแรง, บทสนทนาที่คมคาย, ซาวนด์แทร็คที่ติดหู และการนำเสนอเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นด้วยมุมมองในแง่บวก แทนที่จะเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตถูกทำลาย

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่หนังดรามา-เบาสมอง ที่เรียกว่า ดรีมิดี (Dremedy) เรื่องนี้สร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเว็บไซต์ mentalfloss.com เก็บมาให้อ่านกัน

ความเป็นมา…
สี่ปีก่อนหน้าที่ ‘Juno’ จะออกฉาย หนังทุนกระจ้อยร่อย ‘Napoleon Dynamite’ กลายเป็นหนังทำเงินมหาศาล และกลายเป็นงานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับไดอะโบล โคดี “’Napoleon Dynamite’ เป็นหนังอินดีที่ประสบความสำเร็จมหาศาล ฉันได้ดูมัน แล้วก็รู้สึกดีกับสิ่งที่ได้เห็น ฉันจะเขียนบทหนังทำนองนี้แหละ แต่ฉันจะสร้างนโปเลียนฝ่ายหญิง” โคดีบอกกับวานิตี แฟร์

เจสัน ไรท์แมน

แต่ไรต์แมนไม่เข้าใจการที่ ‘Juno’ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ‘Napoleon’ “ว่ากันตามตรงผมไม่เห็นอะไรที่เป็น ‘Napoleon Dynamite’ ในหนังเรื่องนี้เลย” เขาบอกกับ ComingSoon.net “หนังเรื่องนี้มีความสมจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ‘Napoleon’ ไม่เคยมี” เอาเข้าจริง ๆ เขากลับเปรียบเทียบเรื่องนี้กับหนัง ‘Election’ “ผมคิดว่ามีอะไรไม่น้อยในตัวมาร์ก ที่ดึงมาจากตัวละครของแม็ทธิว บรอดเดอริค ใน ‘Election’ นั่นก็คือความน่าขายหน้า”

“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำหนังเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และทางเลือกที่คนซึ่งตกอยู่ในสถานภาพเช่นนั้นต้องเจอ” โคดีบอกกับเว็บไซต์ NPR “เราแค่อยากเล่าเรื่องที่มีความเป็นส่วนตัว เกี่ยวกับการเติบโตและความสัมพันธ์ ส่วนการตั้งครรภ์ก็เป็นแรงกระตุ้นให้กับเรื่องราว”

ไดอะโบล โคดี

บท…
บทของ ‘Juno’ เขียนโดยมีที่มาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของไดอะโบล โคดีเอง และเธออยากจะเล่าเรื่องที่ ‘แตกต่าง’ ไปจากหนังฮอลลีวูดเรื่องอื่น ๆ “‘Juno’ เป็นเหมือนการตามล่าสมบัติทางอารมณ์ และเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับฉัน” โคดีบอกกับเดอะ เทเลกราฟ “ฉันลากเอาสารพัดประสบการณ์ของตัวเองมาใส่ไว้ในเรื่อง ซึ่งฉันเองก็ตกใจนะ ที่หนังมันมีความเชื่อมโยงกันได้อย่างที่เห็น ฉันจัดการเอาทุก ๆ คน, ทุก ๆ เหตุการณ์ และทุก ๆ อย่าง ที่มีความหมายกับชีวิตของฉันใส่เข้าไปในบท ฉันอยากให้มันมีบุคลิกภาพที่ลุ่มลึก ไม่อยากให้มันเป็นอะไรดาด ๆ ทั่วไป”

ไมเคิล เซรา

ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์คอลลิเดอร์ ไมเคิล เซรา บอกว่าเหตุผลหนึ่งที่เขาอยากเล่นหนังเรื่องนี้ก็เพราะว่า บทมันถูกเขียนเหมือนหนังสือ “ผมจำได้ว่ามันย่อหน้าแบบแปลก ๆ และนั่นมันเหมือน ๆ… เอ่อ… ผมแว่บขึ้นมาเลย เฮ้ย… นี่มันไม่ใช่การอ่านบทแล้ว” เขาบอก “มันเหมือนหนังสือมากกว่า ซึ่งอะไรแบบนี้แหละทำให้ผมอยากเล่นหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่า.. เออ ถ้ามันเขียนด้วยวิธีแปลก ๆ เขียนแบบไม่เหมือนเขียนบท มันก็น่าจะเป็นหนังที่ดีนะ”

อัลลิสัน แจนนีย์ ที่เล่นเป็นเบรน แม่เลี้ยงของจูโนสนับสนุนการเอาเด็กไว้ของลูกเลี้ยงอย่างน่าประหลาดใจ แล้วจากนั้นก็เริ่มสานความสัมพันธ์กับเธอให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น “ฉันเฝ้ารอว่าแม่เลี้ยงใจร้ายจะทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นสำหรับจูโน แต่เธอก็ไม่ทำแบบนั้น” แจนนีย์ กล่าว “ตัวไดอะโบลเองก็เป็นแม่เลี้ยงด้วย และฉันคิดว่าเธออยากหักล้างความเชื่อประเภทแม่เลี้ยงใจร้าย และพาเรื่องราวทำนองนี้ไปสู่ทิศทางใหม่ ๆ” แจนนีย์อ้างถึงฉากที่จูโนไปทำอุลตราซาวนด์ ซึ่งเบรนให้การปกป้องลูกเลี้ยงเป็นอย่างดี “ไดอะโบลมีบางอย่างที่มหัศจรรย์มาก เธอดูเหมือนไม่ได้ตัดสินตัวละครของเธอเลย แล้วผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินข้ามเส้น ก็กลายเป็นคนที่ทำฉันหลั่งน้ำตาให้ ซึ่งเป็นเรื่องสนุกดีที่รู้สึกแบบนั้นสำหรับการเป็นนักแสดง”

อัลลิสัน แจนนีย์

เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ รับบทเป็นวาเนสซา ลอริง ที่ต้องการรับลูกของจูโนมาเลี้ยง ซึ่งตอนแรกเธอปรากฏตัวด้วยความเย็นชา แต่ท้ายที่สุดเธอก็ดูนุ่มนวลมากขึ้น “มีใครบางคนที่ฉันใช้เป็นที่มาของตัวละคร ซึ่งบางทีเป็นคนที่ดูเย็นชา หรือพยายามจะควบคุมทุกอย่างเอาไว้ให้ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็แค่ความพยายามที่จะแสดงออกมาอย่างเหมาะสม” การ์เนอร์บอกกับเอนเตอร์เมนต์ วีคลี “แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ บีบให้ตัวละครค่อย ๆ เปิดตัวเองออกมาทีละนิด ฉันคิดว่าเธออยากได้เด็กคนนี้ และคิดถึงวิธีต่าง ๆ ว่าจะทำยังไงเพื่อให้มันดูดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เธอก็ดันลืมใส่ความเป็นมนุษย์ปุถุชนลงไปในนั้น”

เอลเลน เพจ

หมายเหตุทางสังคม…
หนังนำเสนอเรื่องราวของการตั้งท้องของวัยรุ่นในท่วงทีที่ไม่มีเรื่องทางการเมืองเจือปน ซึ่งทำให้เพจรู้สึกแย่ทุกครั้ง เมื่อ “คนพากันบอกว่านี่เป็นหนังสนับสนุนให้มีการตั้งท้องในวัยรุ่น” เธอบอกกับโทรอนโท สตาร์ “ในอีกมุมหนึ่งมันก็คือหนังต่อต้านการทำแท้ง” เธอบอก “ซึ่งนั่นไม่จริงเลย สำหรับฉันมันไม่ใช่หนังที่มีแง่มุมการเมือง ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลยตอนที่เราทำหนังกัน บางครั้งฉันก็ลืมไปด้วยว่าเธอท้อง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทางเลือกอยู่ตรงนั้น และหนังก็แสดงให้เห็นทางเลือกที่ว่า มันมีฉากในคลีนิกทำแท้งอยู่ฉากหนึ่ง เพื่อ… โอ… เห็นแก่พระเจ้า… บางทีหนังหลาย ๆ เรื่องไม่ควรทำแบบนั้นนะ”

โคดีบอกวานิตี แฟร์เมื่อต้นปีนี้ว่า มัน “กวนใจ” เธอมาก สำหรับการที่ใคร ๆ มองว่า ‘Juno’ เป็นหนัง “ต่อต้านการทำแท้ง” – “ในทางหนึ่งฉันรู้สึกเหมือนตัวเองต้องรับผิดชอบ กับการที่บางทีมันดูเป็นหนังสนับสนุนการทำแท้งอย่างชัดแจ้ง แต่ฉันก็ไม่… ฉันคิดว่า ฉันมีสิทธิ์ที่จะเลือกในตอนนั้น”

ตอนที่หนังออกฉาย มีอัตราการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดสังเกตที่โรงเรียนกลอสเตอร์ ไฮสคูล ในแมสซาชูเส็ตต์ ดร. โจเซฟ ซุลลิแวน ครูใหญ่ของโรงเรียนบอกกับนิตยสารไทม์ว่า บรรดาเด็กสาววัยรุ่นหลาย ๆ คน “ทำข้อตกลงเพื่อตั้งครรภ์ แล้วก็เลี้ยงเด็ก ๆ ด้วยกัน” และสื่อก็ตีตราว่าเป็น ผลกระทบจากจูโน (The Juno Effect) ในปี 2008 เซซิล ริชาร์ดส์ ประธานสมาคมวางแผนการเป็นพ่อ-แม่ บอกกกับเอนเตอร์เทนเมนต์ วีกลีว่า อัตราการคลอดของเด็กวัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นอัตราการตั้งครรภ์ของคุณแม่วัยเยาว์ก็ค่อย ๆ ลดลง

วง เดอะ มอลดี พีเชส

ของขายคู่กับหนัง…
คิเมีย ดอว์สัน รวมทั้ง Sonic Youth, The Kinks, Belle and Sebastian, Cat Power ล้วนมีเพลงอยู่ในอัลบัมซาวนด์แทร็คของหนังที่ออกมาถึงสองชุด โดยชุดที่สองใช้ชื่อว่า Juno B-Sides: Almost Adopted Songs อัลบัมแรกคืองานฮิตระเบิด ขายดีจนได้แผ่นเสียงทองคำขาว ดอว์สันที่อยู่ในวง The Moldy Peaches ถูกค้นพบผ่านภาพวาดของเธอ เมื่อสามปีก่อนหนังออกฉาย ดอว์สันไปวาดภาพให้คารา ลิปสัน ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกนักแสดงของหนัง ส่วนเพจเป็นแฟนพันธุ์แท้เดอะ มอลดี พีเชส เลยแนะนำให้ไรต์แมนรู้จัก พอลิปสันได้ยินว่าเขากำลังตามหาดอว์สัน “เธอเลยส่งอี-เมลมาหาฉัน บอกว่า ‘เฮ้… จำฉันได้ไหม? คนที่ซื้อภาพวาดของเธอไง’” ดอว์สันบอกกับเอนเตอร์เมนท์ วีคลี “เธอก็อปปีหนังเรื่องแรกของไรต์แมน ‘Thank You for Smoking’ ส่งมาให้ฉันดู แล้วก็บทหนังเรื่อง ‘Juno’ จากนั้นฉันก็นั่งดู ‘Thank You for Smoking’ แล้วก็อ่านบท ฉันรู้สึก… ‘ได้เลย เจ๋งดี’ ฉันชอบหนังเรื่องนั้นนะ ส่วนเรื่องนี้ก็มีเรื่องราวที่ดี เกี่ยวกับครอบครัวแล้วก็การตั้งครรภ์ และทุกอย่างเรื่องที่ฉันชอบ”

โทรศัพท์ รูปแฮมเบอร์เกอร์

จูโนเป็นคนที่ใช้โทรศัพท์รูปแฮมเบอร์เกอร์ ทางสตูดิโอเลยคิดว่า คงเป็นเรื่องสนุกดีที่จะวางแผนการตลาดโดยการทำโปรโมชันด้วยโทรศัพท์รูปแฮมเบอร์เกอร์ บริษัทในออสเตรเลียเป็นผู้ขายโทรศัพท์แบบนี้ทางอีเบย์ และอีเบย์ในสหรัฐฯ ก็รายงานว่าความต้องการโทรศัพท์แบบนี้กระโดดสูงขึ้นถึง 759% หลัง ‘Juno’ ออกฉาย ล่าสุดโทรศัพท์แบบเดียวกันนี้ยังคงมีขายในอะเมซอน ด้วราคา 14.95 เหรียญสหรัฐ

เรื่องหลังกล้อง…
เซรากับเจสัน เบตแมน เคยรับบทเป็นพ่อ-ลูกกันมาก่อนใน ‘Arrested Development’ แต่ใน ‘Juno’ พวกเขาไม่เคยได้ร่วมฉากเดียวกันเลย แต่เบตแมนก็เอาไปเป็นมุกในการให้สัมภาษณ์กับเอ็มทีวีว่า คงเป็นเรื่องแปลก ๆ “ถ้าผมรับเลี้ยงลูกของลูกชาย แต่ก็มีความคิดหนึ่งแว่บมา เราจะเล่นมุกกันโดยให้เซราเดินผ่านเป็นแบ็คกราวนด์ในฉากหนึ่ง แล้วผมก็ตบมุกด้วยการพูดทำนองว่า ‘ผมรู้จักไอ้หนุ่มคนนั้นจากที่ไหนนะ!’ แต่เราก็ไม่ได้ทำกันสักที”

ไมเคิล เซรา (กลาง) – เจสัน เบทแมน (ซ้าย) ใน Arrested Development

จูโนบอกว่า พ่อตั้งชื่อเธอตามภรรยาของซุส เธอบอกเขาว่า จูโน “ถูกมองว่าจะเป็นความสวยงาม แต่จริง ๆ แล้วกลายเป็นอะไรเหมือนไดอานา รอสส์” โคดีบอกกับวานิตี แฟร์ว่า เธอ “รู้สึกแย่มาก ๆ” กับคำพูดนี้ และเผยด้วยว่า ตอนเขียนบทสนทนานี้ เธอคิดถึงคนดังๆ ที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก “ฉันอยากจะขอโทษ” เธอกล่าว และเรื่องราวมันซับซ้อนขึ้นไปอีก ในงานอ่านบทสด ๆ ของหนังครั้งหนึ่ง เทรซี เอลลิส รอสส์ ลูกสาวของไดอานามาร่วมอ่านด้วย “พระเจ้า! คุณคงไม่ตัดมันออกจากการอ่านใช่ไหม? พูดจริงหรือเปล่า? พระเจ้าช่วยนั่นละแม่ฉันตัวจริงเลย” เอลลิส รอสส์ เล่นมุกหลังจากที่เพจอ่านบทสนทนาที่ว่าให้ฟัง

ชุปี เซลส์

ในหนัง จูโนพูดถึงซุปี เซลส์ นักแสดงตลกชื่อดังด้วย แต่เอาเข้าจริง ๆ กระทั่งเพจ และเป็นไปได้ว่าจะรวมไปถึงโคดีด้วย ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร “ฉันสงสัยไอ้ประโยคนี้อยู่เรื่อย เพราะคิดว่า ‘ไม่มีทางที่วัยรุ่นหน้าไหนจะพูดถึงซุปี เซลส์’” โคดีบอกกับเว็บไซท์ PopMatters “แต่มันก็ทำให้ฉันหัวเราะ ฉันเป็นพวกที่สัมผัสถึงความผิดพลาดของตัวเองในฐานะนักเขียน ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าซุปี เซลส์ คือใคร” ส่วนเพจบอกว่า “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นการพูดถึงใครบางคน”

โดย ฉัตรเกล้า เรื่อง ย้อนอดีตปรากฏการณ์จากหนัง Juno นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1276 ปักษ์หลัง มีนาคม 2562

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์หรือกดติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.