
1958: วันเกิดของพรินซ์ หรือชื่อจริง ๆ พรินซ์ โรเจอร์ส เนลสัน ที่ลืมตามาดูโลกที่มินนิอาโพลิส มินเนโซตา โดยชื่อของเขาเป็นการตั้งตามวงแจซคอมโบของพ่อ ที่ชื่อ the Prince Rogers Trio
นอกจากจะเป็นวันเกิดแล้ว ในวันนี้เมื่อครั้งที่เขาอายุครบ 35 ปี ยังเป็นวันที่พรินซ์ประกาศเปลี่ยนชื่อโดยหันมาใช้สัญลักษณ์ที่ไม่มีคำเรียก ซึ่งเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง นอกเหนือไปจากงานเพลงที่ทำให้เขากลายเป็น สัญลักษณ์สำคัญของวงการดนตรี
พรินซ์เซ็นสัญญาบันทึกเสียงครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี เมื่อปี 1977 กับค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ซึ่งทางค่ายให้อิสระทางความคิดสร้างสรรค์กับเขาเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าเขาสามารถทำงานที่เป็นวัตถุดิบของตัวเองออกมาได้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปด้วยดีทั้งสองฝ่ายมาโดยตลอด วอร์เนอร์ลงเงินไปกับการทำงานแปลก ๆ ที่เหมือนกับเป็นงานทดลองของพรินซ์ และได้เงินก้อนโตจากกระบวนการทางธุรกิจกลับมา
ในปี 1992 พรินซ์ได้ขยายสัญญากับวอร์เนอร์ฯ โดยทางค่ายจะจ่ายให้เขา 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับทุก ๆ อัลบัมที่ขายได้เกิน 5 ล้านก็อปปี เช่นที่อัลบัมชุดก่อนหน้า ‘Diamonds & Pearls’ ทำได้ แต่ขณะที่ทางค่ายเน้นไปที่ว่าพยายามทำเงินให้ได้มากที่สุดในทุก ๆ อัลบัม พรินซ์กลับแค่อยากปล่อย ๆ งานที่เขามีออกมาให้หมด ออกงานให้ได้มากที่สุด วอร์เนอร์ฯ ปฏิเสธกลยุทธนี้ของพรินซ์ ทำให้เขาออกมาบ่นกับสื่อ รวมถึงเขียนคำว่า ‘Slave’ (ทาส) ไว้บนใบหน้า และเนื่องจากทางค่ายเป็นเจ้าของงานในนามของพรินซ์ เขาเลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่น ที่ทางวอร์เนอร์ฯ ไม่สามารถควบคุมเขาได้
พรินซ์ประกาศ การเปลี่ยนชื่อผ่านแถลงการณ์ที่ระบุว่า “เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีคำเรียก ที่หมายความถึงสิ่งที่ไม่มีการนิยาม มันเป็นเรื่องของการคิดในมุมมองใหม่ เปลี่ยนไปสู่ ขอบเขตที่มีอิสระใหม่ (new free- quency)
เนื่องจากสัญลักษณ์ดังกล่าว ไม่สามารถพิมพ์ได้ด้วยแป้นพิมพ์ทั่ว ๆ ไป วอร์เนอร์ฯ เลยต้องส่งแผ่นฟล็อปปีดิสก์ ที่มีภาพของสัญลักษณ์ดังกล่าวให้กับสื่อ ซึ่งบางรายก็ใช้ภาพนี้ แค่ส่วนใหญ่จะพูดถึงเขาว่า “ศิลปินที่เคยรู้จักกันในนามว่า พรินซ์” (The Artist Formerly Known As Prince) สำหรับแฟน ๆ ก็จะพิมพ์ด้วยสัญลักษณ์ O(+>
โดยสัญลักษณ์นี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างสัญลักษณ์ของเพศหญิงและชาย (♂ ♀) ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรกภายในเลข 9 ตัวแรก บนปกอัลบัมชุด 1999 เมื่อปี 1982 จากนั้นไปอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของพรินซ์ในหนังเรื่อง ‘Purple Rain’ (1984) และบนปกอัลบัมชุด ‘the Graffiti Bridge’ เมื่อปี 1990
สัญลักษณ์นี้ไม่ได้มีการจดลิขสิทธิ์เอาไว้ พรินซ์เลยจ่างเอชดีเอ็มจี บริษัทออกแบบในมินนีอาโพลิสมาออกแบบ โดยเติมสัญลักษณ์คล้าย ๆ เขาลงมา ซึ่งทำให้มีความเฉพาะตัวมากขึ้น จากนั้นเขาก็ไปจดลิขสิทธิ์สัญลักษณ์นี้ และใช้มันเป็นชื่ออัลบัมที่ออกมาในปี 1992 แทนชื่อตัวเอง แม้ในทางกฎหมายเขาจะยังคงเป็น พรินซ์ โรเจอร์ส เนลสัน
ในปี 1999 เขาพูดถึงการเปลี่ยนชื่อ ในการให้สัมภาษณ์กับแลร์รี คิงว่า “ผมต้องค้นหาลึกลงไปในหัวใจและวิญญาณของตัวผมเอง ผมต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงและไปอยู่ในวิวัฒนาการใหม่ ๆ ของชีวิต ซึ่งวิธีการหนึ่งที่ผมใช้ก็คือ เปลี่ยนชื่อตัวเอง มันเป็นการหย่าขาดจากอดีตและทุก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับมัน (ชื่อนั้น) เรามีประเด็นบางอย่างซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เป็นเรื่องของการเป็นเจ้าของผลงานเพลง และผมควรจะทำงานออกมาบ่อยแค่ไหน หรืออะไรทำนอง ๆ นั้น แต่เราดันทำกันในทิศทางที่ตรงกันข้าม”
ในปี 2000 เขาก็กลับมาใช้ชื่อพรินซ์อีกครั้ง เมื่อสัญญาที่เซ็นไว้กับวอร์เนอร์ฯ หมดลง
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่