
จากมหากาพย์การนำทำนองเพลง What You Know ของวงทูว์ ดอร์ ซีนีมา ไปใส่เนื้อไทยกลายเป็นเพลงสิ่งรอบข้าง ของวงมหาหิงค์ ที่เริ่มต้นราวๆ 2-3 ปี ก่อน เมื่อคลิปเพลงสิ่งรอบข้าง ของมหาหิงค์ ถูกอัพโหลดขึ้นยูทิวบ์ และโดนแฟนๆ ของวงทูว์ดอร์ฯ กล่าวตำหนิ รวมไปถึงถูกโพสท์แฉตามเว็บบอร์ดต่างๆ อยู่พักใหญ่ จนทางวงต้องลบคลิปทิ้งไป
หากพวกเขาก็นำมาอัพโหลดขึ้นยูทิวบ์อีกครั้งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ โดยมีการดัดแปลงให้เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้นกระแสโจมตี แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องเดียวแบบครั้งก่อน เพราะมีการแฉซ้ำว่า ทางวงได้นำเอาคลิปการแสดงของพวกเขา ที่คัฟเวอร์เพลงของศิลปินรายอื่นๆ อัพโหลดขึ้นยูทิวบ์ด้วย เช่น เพลงของวงคาวบอย จากสังกัดบานานา เรคอร์ดส์ พร้อมกับใส่คำว่า Official ลงไปในชื่อคลิป ซึ่งอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่า เพลงดังกล่าวเป็นเพลงของวงมหาหิงค์ จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ และต้องออกรายการโทรทัศน์บางรายการเพื่อชี้แจง พูดคุยกับเจ้าของเพลงตัวจริง ก่อนจะจบลงด้วยดีในที่สุด
ส่วนเรื่องนำทำนองเพลง What You Know มาใช้ ก็ต่อความยาวออกไปกลายเป็นข่าวลือว่า มหาหิงค์ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นร้อยๆ ล้าน จะถูกฟ้องร้อง ต่างๆ นานา จนนำมาถึงการแถลงข่าวร่วมกันของบริษัทวอร์เนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) ต้นสังกัดของทูว์ดอร์ฯ ในบ้านเราและวงมหาหิงค์ เมื่อ 21 มิถุนายน
ซึ่งทำให้ได้บทสรุปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยของเหตุการณ์นี้ ที่ทางวงมหาหิงค์บอกว่า เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะต้องจ่ายค่าปรับเนื่องจากกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ทำนองของเพลง What You Know โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะต้องโทษปรับ 20,000 – 200,000 บาท หากเป็นการกระทำโดยไม่ได้หวังผลทางการค้า และหากเป็นการกระทำที่หวังผลทางการค้า ก็มีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษปรับสูงสุดถึง 800,000 บาท
ส่วนเพลงสิ่งรอบข้างนั้น ทางวงมหาหิงค์ บอกกับนักข่าวว่า ได้หยุดนำไปเล่นในงานต่างๆ แล้ว นับตั้งแต่มีเรื่องราวเกิดขึ้น และจะไม่มีการกระทำแบบในกรณีนี้เกิดขึ้นอีก
โดยทางวอร์เนอร์ มิวสิค ก็เผยด้วยว่า อยากจะใช้กรณีนี้ทำให้คนทั่วไป ได้รับรู้ถึงเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย การนำทำนองเพลงของศิลปินอื่นมาใช้ เป็นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ก็สามารถทำได้หากมีการขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังขอให้สื่อและแฟนเพลงให้โอกาสกับมหาหิงค์ วงดนตรีที่รักในเสียงเพลง อยากเติบโตในการทำงานเพลงต่อไป ซึ่งทางวงก็กำลังทำเพลงใหม่ๆ ของตัวเอง ที่แต่งทั้งเนื้อร้องและดนตรีกันอยู่
ส่วนที่มีข่าวว่า มหาหิงค์ ได้เซ็นสัญญากลายเป็นศิลปินในสังกัดของวอร์เนอร์ มิวสิค ทางผู้บริหารของวอร์เนอร์ได้ตอบปฏิเสธในเรื่องนี้ว่า ทางวงกับวอร์เนอร์ ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน ก่อนที่จะปิดงานแถลงข่าวกันแบบยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีบัวช้ำน้ำขุ่น
ซึ่งก็ถือว่าผิดไปจากที่คาดกันไว้ก่อนหน้า ที่มีข่าวว่าจะมีการปรับวงมหาหิงค์ เท่านั้นเท่านี้ แต่ถึงจะจบลงด้วยดีในแบบไทยๆ แต่เชื่อว่าหลายๆ คนที่ติดตามข่าวคราวมาโดยตลอด ก็ยังคงมีอะไรที่ค้างคาใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้เคลียร์คัตตัดจบลงไป
ขณะที่ทางวงเอง ก็บอกว่า ตอนนี้เพลงที่พวกเขาร้องประจำในคอนเสิร์ตก็คือเพลง ร้องไห้กับฉัน ของ เสือ ธนพล อินทฤทธิ์ โดยร้องเนื้อร้องท่อนหนึ่งของเพลงนี้ที่ว่า “เมื่อเธอนั้นทำดีสุดแล้ว แต่ไม่แคล้วเสียงคนประณาม คำเหยียดหยามมันทำให้เธอท้อ ฉันพอรู้มันเป็นอย่างไร” ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ภายใต้การแถลงข่าวที่ราวกับการประกาศปรองดองชื่นมื่นนั้น มันช่างอึมครึมซะนี่กระไร
มหาหิงค์ – Two Door Cinema จบแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ภายใต้ความคลุมเครือ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน 2559
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่