
อ่านตอนแรกได้ที่ http://bit.ly/1zV9IJq
จอสส์ วีดอนก็จัดการฆ่าพวกอเวนเจอร์สเรียบร้อยแล้ว จากที่เห็นในตัวอย่างของ Ultron โล่ห์ของกัปตันแตกเป็นสองเสี่ยง ใบหน้าที่ตื่นตระหนกของสตาร์ค ขณะที่เพื่อนร่วมทีมลอยละล่องหล่นลงมา
“ผมฆ่าพวกเขา” วีดอน หัวเราะชอบอกชอบใจ “ทุกคนเลย ผมทำจริงๆ นะ มาร์เวลไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ ตอนที่พวกเขาเห็นหนังฉบับตัดครั้งสุดท้าย ทุกคนอุทานขึ้นมา ‘พระเจ้าช่วย! แล้วเราจะทำยังไงกับเฟสสามดีเนี่ย? เราไม่เหลือใครเลยนะ! ยกเว้น มนุษย์มด!’ พวกเขาอึ้งกันไปเลย” แต่อย่าเพิ่งกังวล นั่นเป็นแค่ภาพที่เห็น อนาคตของพวกอเวนเจอร์สนั้น อยู่ในมือของธานอสตัวร้ายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าสีม่วงที่เห็นใน Guardians of the Galaxy “ผมไม่ขอยืนยันและปฏิเสธนะ ว่านั่นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง” วีดอนย้ำ ด้วยหน้าตาที่ร่าเริงผิดสังเกต
ซึ่งก่อให้ความสนใจที่ว่า หนังจะยังคงความเข้มข้นไว้ได้ยังไง พุ่งสูงขึ้น ขณะที่เรื่องของสตาร์คกับโรเจอร์ข้ามผ่านจุดนี้ไปแล้ว ส่วนธอร์จะมีหนังของตัวเองออกมาอีกในปี 2017 ดูเหมือนไม่น่าเชื่อว่ามาร์เวลที่ลังเลในการตัดตัวละครสำคัญๆ จะเริ่มลดตัวละครในทีมอเวนเจอร์ส ซึ่งทางดาวนีย์ จูเนียร์ เสริมด้วยว่า ฮอว์คอายของเรนเนอร์ คือตัวละครที่เป็นศูนย์กลาง แต่ใครเป็นชื่อแรกในรายชื่อเหยื่อนั้นยังดูไม่ออก “พวกเขาคงไม่ฆ่าตัวละครหลักๆ ทิ้งหรอก” เจ้าของความคิดย้ำ แต่ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งที่ไฟกีและวีดอนไม่ลังเลที่จะบอกก็คือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ อย่าคาดหวังว่า พลพรรคอเวนเจอร์สในตอนท้าย จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ได้เห็นในตอนเริ่มต้น ขณะที่มีหน้าใหม่ๆ เข้ามาเสริม อย่าง สคาร์เล็ทท์ วิทช์, ควิกซิลเวอร์ หรือ วอร์ แมชีน ของดอน ชีเดิล และวิชัน ผู้ลึกลับของพอล เบตตานี แต่ก็ต้องมีคนที่ออกไปด้วยเช่นกัน
“ที่สุดแล้ว มันก็เป็นธรรมชาติของทีมอเวนเจอร์ส ที่ในทีมจะไม่มีความเสถียร” วีดอนกล่าว “มันไม่เหมือนพวก สี่มหัศจรรย์ แค่หนังสือเล่มที่ 2 ทีมอเวนเจอร์สก็มีการเปลี่ยนคนแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเกินเลย”
อย่างที่เขาบอกในหนังสือเล่มที่ 2 ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 1963 มนุษย์จอมพลังเดินออกไป ขณะที่มนุษย์มดอัพเกรดตัวเองให้มีขนาดยักษ์ ส่วนกัปตันกว่าจะมาร่วมทีมก็เล่มที่ 4 ทีมอเวนเจอร์สมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เว้นเสียแต่ว่าวีดอนเกิดคึกอยากจะทำอะไรที่แย้งกับชื่อเสียงของตัวเอง ที่เป็นผู้สร้างสรรค์ซีรีส์ที่ตัวละครหลากหลาย สับกันไปมาอย่าง Buffy the Vampire Slayer, Firefly และ Angel ด้วยการทำตัวเป็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่องบรรดาตัวละครที่คนดูรัก แต่ถ้าไม่สามารถทำตามความอยากได้ เขาก็คงจับสี่ตัวละครสำคัญของเรื่อง ธอร์, ฮัล์ค, กัปตันอเมริกา และไอออน แมนแยกออกไป
“หมัดเด็ดของผมสำหรับภาคแรกก็คือ การสร้างกลุ่มขึ้นมา” เขาอธิบาย “หนังภาคที่สองจะเป็นการฉีกพวกเขาออกจากกัน ผมต้องการให้มีความท้าทายมากขึ้น แล้วกับสารพัดความเห็นที่มีต่อ Avemgers ไม่ใช่ทุกคนที่รักบรรดาอเวนเจอร์สในหนัง”
แล้วกับหนังเรื่องต่อไป วีดอนมีปัญหาที่ต้องเจอแน่ๆ แม้ดูเป็นคนร่าเริง และหัวไว แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า กับการที่ต้องถ่ายทำนานๆ ตอนกลางวัน รวมไปถึงนั่งแก้บทยาวๆ ในตอนกลางคืน
“ผมคงไม่คิดถึงการทำหนังแบบนี้อีกแล้ว” เขากล่าว “มันยากโคตรๆ และมันจะกลายเป็น 5 ปีที่ดีนับตั้งแต่ผมเริ่มสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา จนกระทั่งเสร็จสิ้นลงไปได้ด้วยตัวเอง มันเลยน่าสงสัยเหมือนกันว่า ผมจะจัดการกับ Infinity War ที่มีถึง 2 ภาค ซึ่งจะกินเวลาในชีวิตผมไปอีกตลอด 4 ปีข้างหน้าได้ยังไง ผมยังอยากเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลของมาร์เวลนะ ผมรักคนพวกนี้ แต่มันไม่ง่ายเลย ปีนี้มันหนักยิ่งกว่าการที่ผมทำซีรี่ส์ 3 เรื่องในปีเดียวกันเสียอีก มันทำให้ผมแทบบ้า” ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาอยากจะฆ่าพวกอเวนเจอร์จริงๆ เขาต้องการลงมือก่อน ก่อนที่พวกนั้นจะเล่นงานเขา
ถ้าวีดอนไป ไฟกีคงมีแผนสำรองไว้รอ และแผนที่ว่าก็คงจะมีพี่น้องรุสโซเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคู่กำกับ Captain America: The Winter Soldier และกำลังเตรียมงานสำหรับ Civil War ที่จะลั่นกล้องในเดือนเมษษายนนี้ แต่วีดอนชายที่น่ารักที่สุดในฮอลลีวูด ที่ใครๆ ก็บอกกัน จะถูกนึกถึง เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่สามารถรวมคนได้อย่างเขา และน้อยกว่านั้น ที่สามารถเขียนบทพูดได้คมๆ อีแวนส์ตั้งฉายาให้เขาว่า “จอสส์ วีดอน มนุษย์พรสวรรค์ผู้น่าทึ่ง” เฮมสเวิร์ธ บอกว่า “การที่มีคนทำอะไรแบบนี้ออกมา มันทำให้ผมทึ่งมาก และถ้ามีคนทำได้ คนๆ นั้นคือ จอสส์” เทย์เลอร์-จอห์นสัน ให้เขาเป็น “โคตรอเวนเจอร์ มีไอออนแมนนิด, ฮัล์คหน่อย, กัปตันอเมริกาบ้าง. บางส่วนก็เป็นแบล็ค วิโดว์” ขณะที่ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ยังเป็นดาวนีย์ จูเนียร์ เมื่อปฏิเสธว่า ไม่มีทางคิดถึงวีดอน “หลังจากหลายปีหมดไปกับการถูกบังคับ คุณจะกลายเป็นพวกต่อต้านสังคมหน่อยๆ” ดาวนีย์ กล่าว “การบอกว่าผมคงจะคิดถึงเขา น่าจะเป็นการบอกว่า ผมไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองได้! แต่ผมคิดว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับจอสส์นะ ที่จะนำทุกอย่างที่เขาได้รับมาแล้วนำไปปรับใช้กับสิ่งอื่นๆ เขาเป็นนักสร้างสรรค์ตัวจริง”
แต่ถ้าจอสส์ เป็นคนตัดสินใจ เขาก็คงทำได้ไม่ดีไปกว่า การทำตามหนังของตัวเอง “ในที่สุดผมก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ เป็นยิ่งกว่าหนังเรื่องอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่บอกว่า พวกเรามีพลังในตัวมากมายขนาดไหน แต่ถึงกระนั้น เราก็ต้องทำอะไร หากเกิดการสูญเสียการควบคุม ซึ่งพลังอาจจะมีผลกับเราในแบบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” เขากล่าว “บางคนอาจจะใช้มันไปในทางหนึ่ง ที่ทำให้เองเป็นยิ่กว่าตัวตนของพวกเขา แต่บางคนก็อาจจะไปไม่ถึงไหน นั่นคือสาระสำคัญของมัน”
เขาหัวเราะ แล้วเอนตัวไปพิงกับพนักเก้าอี้ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “โชคไม่ดี ที่ผมเหมือนอัลตรอนมากกว่า”
จากเรื่อง AVENGERS: AGE OF ULTRON ปฏิบัติการกู้โลกครั้งใหม่ของพลพรรคอเวนเจอร์ส โดยฉัตรเกล้า นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1182 ปักษ์หลัง เมษายน 2558
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่