เกรียนฟิคชั่น [2013] : วัยรุ่นเอ๊ยยยยยยยยย
ผู้กำกับ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
โดย สกก์บงกช ขันทอง
จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151312891270904&set=at.10151147837105904.432361.650825903.785586662&type=1&theater
เวลาดูหนังมะเดี่ยว สิ่งหนึ่งที่รู้สึกตอนออกจากโรงฯทุกครั้งก็คือ
“ถ้าไม่ปาดน้ำตาก็ต้องยิ้มเริงร่าเหมือนยกอะไรออกจากอก” ทุกที
แต่เมื่อคุณเห็นหน้าหนังเกรียนฟิคชั่น คงจะผงะและช็อค จนพากันทำตัวเป็นพยัคฆ์ร้ายส่ายหน้าตั้งแต่แรกเห็น ใครจะไปอยากดูไอ้เด็กเมื่อวานซืนทำตัวเกรียนๆ ที่มุขที่พวกเอ็งเล่น มันเอาท์ไปตั้งกะเมื่อวานนี้วะ หน้าตามันก็เหมือนเด็กติดเน็ทแถวบ้านกูจัง ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย แต่ผมมองทะลุโปสเตอร์สีสันฉูดฉาด การตัดตัวอย่างที่พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยมุขที่เลยวัยผมไปแล้ว หยุดอยู่แค่ชื่อผู้กำกับมะเดี่ยวเพียงคนเดียว ซึ่งผลลัพธ์ ต่อให้คุณตั้งไว้สูงเท่าดอยสุเทพขนาดไหน มันก็เกินความคาดคิดไปซะทุกที ขอแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อความง่ายต่อการอ่านแล้วกันนะ
::หนังวัยรุ่น::
ตามประวัติศาสตร์ หนังวัยรุ่นมันมักจะเป็นตัวแทนแห่งยุคสมัย บ่งบอกถึงพลัง ความเชื่อ การแสดงออกแบบห่ามๆ นับตั้งแต่สมัยท่านมุ้ยทำหนังอย่างเทวดาเดินดิน พี่คิงทำหนังกลิ้งไว้ก่อนฯ หรือพี่ราเชนทร์ทำโลกทั้งใบฯ พี่หง่าวทำโอ-เนกกาทีฟ วัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยต่างแค่ไลฟ์สไตล์ แต่ฮอร์โมนเรียกร้องความสนใจก็เหมือนกันหมดแหละ ในยุคนี้เหนือกว่าตรงที่มีเทคโนโลยีมาช่วยเสิร์ฟพวกเขา เกรียนฟิคชั่นคือเรื่องเล่าของเด็กไม่เป็นโล้เป็นพายที่วันๆ ชอบถ่ายเรื่องเฮียๆ เก็บไว้ให้รกยูทูบ โดยโฟกัสไปที่ไอ้ตี๋ เด็กกำพร้ามีพี่สาวสุดเอ็กซ์ มันแอบหลงรักดาวโรงเรียน แต่นางหวงตัวและไม่ยอมให้ชายใดจับมือนาง หลังจากนั้นเรื่องก็เล่าไปตามสูตรหนังวัยรุ่น จนกระทั่ง โอยยยยยยยย กูอยากเล่าต่อ คือหลังจากผ่านพ้นพล็อตพื้นฐานที่หน้าหนังทำได้แล้ว มันคือการพาเราเดินทางพาเราจากเชียงใหม่ไปสู่ดินแดนที่เราไม่คาดฝัน นั่นคือ โลกของมะเดี่ยว ที่เล่าต่อไม่ได้แล้ว…
::มะเดี่ยวไตรภาค::
ยอมรับเลยนะว่าในประเทศไทยมีประพันธกรแค่ไม่กี่คน (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Author แต่เราว่าคำว่าประพันธกรมันดูสูงชนชั้นดี) และมะเดี่ยวคือ 1 ในนั้น โลกของมะเดี่ยวมักจะเป็นสีชมพูสะท้อนแสงที่โคตรซีด แถมยังรกรุงรังอย่างไม่จำเป็น แต่จะมีใครที่ใส่บรรยากาศคริสต์มาสแบบไทยๆ / งานแต่งล้านนา / การโชว์จินตลีลาแบบละครเวที และ ผู้ชายใส่กางเกงแนบเนื้อ แล้วไม่ยี้ได้เท่ากับมะเดี่ยว เราพบว่ามันแทบจะกลายเป็นการปิดฉาก “ชูเกียรติไตรโลจี้” ที่งดงาม ยิ่งมะเดี่ยวใส่ความเป็นส่วนตัวในหนังมากเท่าไหร่ เราก็ค้นพบว่ามะเดี่ยวคงมีชีวิตอันแสนเจ็บปวดในวัยเยาว์ ไม่ก็มีความสุขกับการจินตนาการความเจ็บปวดด้วยตัวเอง แต่ทุกครั้งมันจะจบแบบยิ้มเหงาๆ เศร้างามๆ ทุกครั้งไป กับหนังเรื่องอื่นอาจจะพยายามง้อเราด้วยการพยายามสร้างโลกที่อยู่ได้โดยรวม แต่โลกของมะเดี่ยว เขาอาจจะบังคับให้คุณใส่กางเกงแนบเนื้อคุณก็ต้องยอม แต่เชื่อเหอะว่าโลกของเขาไม่โหดร้ายอย่างที่คิดไว้หรอก แม้หนังของมะเดี่ยวมักจะไม่ประนีประนอมต่อการวางปมปัญหา แต่เมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว มันคุ้มค่ามากกับการเสียน้ำตาจริงๆ
::มิตรภาพ::
หนังวัยรุ่นมักจะพูดเรื่องมิตรภาพจนชินชา ประมาณแดกเหล้าก็ต้องเอ่ยดราม่าเวลามีคนลุกไปก่อนเป็นคนแรกว่า “มึงทิ้งกูเหรอแวะแสรดดดดด” ซึ่งเรื่องนี้ตัวเอกมันทิ้งเพื่อนหนีไปจริงๆ เมื่อพบกับปัญหาที่เจ็บปวดมาก จนพบว่า ลึกๆ แล้วมะเดี่ยวอาจจะตีความคำว่าเพื่อน แตกต่างกับคนอื่นๆ เขาอาจจะนั่งมองกลุ่มเพื่อนที่โหวกเหวกโวยวายจากหลังห้อง และสร้างกลุ่มเพื่อนในจินตนาการ ที่พวกเขาไม่ต้องกอดคอรักกันมากแต่มองตาก็เข้าใจ หนังของมะเดี่ยวจึงมักจะเริ่มต้นที่ความโดดเดี่ยว และโยนความโดดเดี่ยวนั้นไปพบกับมิตรภาพอันแสนบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าเชื่อทุกครั้ง
::อดีต::
หนังมะเดี่ยวชอบเล่นกับอดีตที่แสนเปราะบาง เรื่องนี้ก็มี กับปมระหว่างตี๋กับเพียงดาวที่อดีตอันเจ็บช้ำที่หลอกหลอนทั้งสองคน จนทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นและเป็นลายเซ็นของมะเดี่ยวมาก ก็รู้กันอยู่ว่าหนังทั้งสามเรื่อง ล้วนแต่เกาะกุมอยู่กับอดีตที่ลอยคว้างกลางทะเลของกาลเวลาอย่างไม่เห็นฝั่งทุกครั้งไป โดยเฉพาะเพลงประกอบที่ใส่เหมือนไม่ได้ตั้งใจให้เล่าเรื่องไรมาก แต่เหมือนจะเลือกเพราะเป็นสิ่งกระทบใจของตัวเองทั้งนั้น อย่างเรื่องนี้เลือกหนุ่มพเนจร ซึ่งเป็นส่วนเกินมากๆ แต่มันแปลกแปร่งจนมีเสน่ห์เฉยเลย
::ผู้ใหญ่กะโหลกกะลา::
สิ่งที่ยึดมั่นว่านี่คือหนังวัยรุ่นแท้ๆ ไม่รู้ว่ามะเดี่ยวตั้งใจรึเปล่า แต่เขากลับเลือกดีไซน์ตัวละครผู้ใหญ่ทั้งหมดเป็นพวกที่เด็กไม่ควรเคารพ ไม่ว่าจะเป็นครูตุ๊ดเทยเที่ยวไทย ครูบ้าอย่างตั๊ก พี่สาวสุดแรงอย่างกิ๊ฟซี่ แม้กระทั่งโบ๊ทเดอะเยอร์ยังเล่นเป็นอนุสาวรีย์ แม้แต่การวิพากษ์ระบบการศึกษา ยันไปถึงการพยายามจะยืนหยัดด้วยการสร้างงานด้วยตัวเอง (ทำหนังเอง ทำละครเวทีฉายที่กาด และให้ครูนั่งดูหน้าตาเฉย) จึงเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่ามุมมองของเด็กๆ พร้อมที่จะล้มล้างสิ่งเก่าๆ ที่ไม่เวิร์คได้ง่ายๆ
::Home แห่งสยาม::
เกรียนฟิคชั่นเหมือนเป็นตัวเชื่อมที่ดีสำหรับหนังทั้งสองเรื่อง มันเติมเต็มคำว่ามิตรภาพที่มีค่ามากกว่าความรักได้สวยงามเหมือนตอนเราดู รักแห่งสยาม และ สร้างความหมายของคำว่า บ้าน ให้ลึกซึ้ง พอๆกับที่เราได้ดูเรื่อง Home เกรียนฟิคชั่นไปไกลเกินกว่าหนังวัยรุ่นทั่วๆไปตรงนี้ ตรงที่มันเชื่อมบ้านกับโรงเรียนเอาไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อทอเต็มผืน
มันน่าเสียดาย หากคุณคิดเองเออเองว่า เกรียนฟิคชั่น เป็นแค่หนังวัยรุ่นตามครรลอง มันลึกซึ้ง หม่นหมอง แต่สวยงามเหมือนเดิม นี่เครียดนะ ที่พยามยามเขียนอะไรสาระเนี่ย ปกติเขียนเอาฮา แต่อันนี้เขียนเพื่อให้ทุกคนโปรดปรับความเข้าใจ และไปดูหนังเรื่องนี้คุณจะเข้าใจว่า เอาไอโฟน ยูทูบ เทคโนโลยีสารพัดออกไป ชีวิตวัยรุ่นในหนังก็ไม่ต่างกับพวกคุณ ตอนฮอร์โมนพุ่งพล่านเลยจริงๆ เลยนะ และมะเดี่ยวคือผู้กำกับที่เรานิยมชมชอบมากๆ ต่อไปนี้ต่อให้เขาทำหนังผีวิ่งหนีลงตุ่ม เราก็จะรอดูว่าตุ่มอันนั้นมันจะสีชมพูสะท้อนแสงหม่นๆ รึเปล่า