กว่าจะเป็น “Time Waits For No One” เพลงใหม่จากกรุเก่าของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี

ภาษิตติดหูที่เราได้ยินตั้งแต่เด็ก “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน” (ที่จริงๆ มีต่อว่าแล้วจะจนใจเอง) เป็นคำพูดเตือนสติให้รู้จักระมัดระวัง อย่าไว้วางใจอะไรง่ายๆ ที่คงคุ้นกันดี และมองให้ขำๆ เอามาเทียบกับวงการเพลง ก็คงต้องเปลี่ยนเป็น “อย่าไว้ใจทาง อย่างวางใจศิลปิน (ที่ตายแล้ว)” ว่าพวกเขาจะไม่มีเพลงใหม่ อัลบัมใหม่ออกมาให้ฟังกัน

ปกอัลบัมเพลงประกอบละครเพลงเรื่อง Time จะเห็นรายชื่อของศิลปิน-นักแสดงมากมาย นอกจากเซอร์ลอว์เรนซ์ โอลิเวอร์แล้ว ก็มีคลิฟฟ์ ริชาร์ด, เฟร็ดดี เมอร์คิวรี, ดิออน วอร์วิค และสตีวี วอนเดอร์

อย่าง เอลวิส เพรสลีย์ ก็มีอัลบัมใหม่ให้แฟนๆ หาซื้อกันแทบทุกปีก็ว่าได้ แม้จะไม่ใช่เพลงใหม่แบบ 100% ก็ตามที, จิมิ เฮนดริกซ์ก็เป็นมีงานออกมาให้ฟังกันเป็นระยะๆ และเมื่อ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา โลกก็ได้อ้าแขนรับเพลงใหม่จากกรุเพลงของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี ที่โปรดิวซ์โดยเดฟ คลาร์ค ที่เป็นเพื่อนกับเฟร็ดดีมานาน และคือคนที่อยู่ข้างเตียงของนักร้องนำวง Queen จนวาระสุดท้าย

จุดเริ่มต้นของเพลงนี้ก็คือ เป็นเพลงประกอบละครเพลงเรื่อง Time เมื่อปี 1986 และนอนสงบนิ่งในกรุมานานถึง 4 ทศวรรษ ก่อนจะผ่านกระบวนการทำงานถึง 2 ปี เพื่อเป็นเพลง “Time Waits For No One” ที่ไม่ใช่แค่มีเพลงให้ฟัง แต่ยังมาพร้อมกับมิวสิค วิดีโอ ที่จับการแสดงของเฟร็ดดีที่สะกดทุกสายตาเอาไว้ได้ทุกเม็ด รวมไปถึงเสียงเปียโน, เสียงร้องที่ใครๆ ก็รัก

ละครเพลงเรื่อง Time เป็นความคิดของเดฟ คลาร์ค อดีตผู้นำ The Dave Clark Five วงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ ขายแผ่นเสียงได้หลายล้านแผ่น ส่วนเจ้าตัวเองก็เป็นนักดนตรี, นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ ที่ได้รับการยกย่อง, มีผลงานมากมาย และเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งของวงการเพลงฝั่งอังกฤษ โดยเปิดแสดงครั้งแรกเมื่อเมษายน 1986 ที่โรงละครโดมิเนียน แถบเวสท์ เอนด์ ในลอนดอน ละครเพลงที่ผสมผสานดนตรีร็อคเข้ากับเรื่องราวในแบบไซ-ไฟและสเปเชียล เอ็ฟเฟ็คท์ รวมไปถึงการใช้สารพัดสื่อที่ตื่นตาในยุคนั้นเรื่องนี้ นำแสดงโดยเซอร์ลอว์เรนซ์ โอลิเวียร์ และคลิฟฟ์ ริชาร์ด ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทำลายสถิติยอดขายตั๋วและจำนวนผู้ชมตลอดสองปีที่เปิดแสดง

ปกซิงเกิล “In My Defence” เพลงแรพที่เดฟ คลาร์คตั้งใจให้เฟร็ดดี เมอร์คิวรีร้อง

อัลบัมเพลงประกอบที่ขายได้เป็นล้านๆ ก็อปปีก็เป็นอัลบัมรวมดาว ซึ่งเดฟมีเพลง “In My Defence” เตรียมไว้ให้เฟร็ดดี แม้หลายๆ คนในวงการจะบอกว่าเขาไม่ได้แต่งเพลงนี้ก็ตามที เฟร็ดดีบินจากบ้านในมิวนิค, เยอรมัน มาบันทึกเสียงที่แอบบีย์ โรด สตูดิโอ ในลอนดอน ตอนเดือนตุลาคม 1985 กับวง 4 ชิ้นของเดฟ ไมค์ โมแรน-มือเปียโนที่ไม่เคยเจอกับเขามาก่อน แต่รู้จักกับเดฟมานานได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเฟร็ดดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ในการทำงานของทั้งคู่ที่ร่วมกันแต่งเพลง “Barcelona” ในอีกหลายปีต่อมา การบันทึกเสียงให้ Time เป็นไปในคืนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศยามดึกที่ชวนเคลิ้บเคลิ้ม โดยมี ‘อาหารรสเลิศ, ว็อดกา และแชมเปญจน์ ในขวดคริสตัล’ บรรณาการจาก โจ ฟาเนลลี เชฟส่วนตัวของเฟร็ดดี เป็นเชื้อเพลิง

เดฟเล่าถึงการทำงานคืนนั้นว่า “เราทำได้เยี่ยม… แต่ผมไม่ชอบสิ่งที่ผมพูดเลย เป็นไปในทางตรงข้ามกันด้วยซ้ำ เราทั้งคู่ต่างมีเป้าหมายไม่ต่างกัน ทำบางสิ่งที่พิเศษสุดๆ” เมื่อเฟร็ดดีถามว่าเขามีเพลงอื่นอีกไหม เดฟตอบว่ามี และเสนอเพลง “Time” ที่เป็นชื่อของละครเพลงให้

มกราคม 1986 พวกเขาก็กลับมาที่แอบบีย์ โรด สตูดิโออีกครั้ง พร้อมกับทีมนักดนตรีมากฝีมือเพื่อบันทึกเสียงเพลงนี้ ที่เดฟแต่งกับจอห์น คริสตี ซึ่งยังไม่รู้จักกับพวกเขาในตอนนั้น ทำให้คำว่า ‘Time waits for no one’ มีความหมายอย่างที่เป็นจริงๆ ในวันนี้

การทำงานเริ่มด้วยการอัดเสียงงานภาคริธึม, การบันทึกเสียงร้องแบ็คอัพรวม 48 แทร็ค ซึ่งเฟร็ดดี, จอห์น คริสตี และปีเตอร์ สตราเคอร์ เป็นคนร้อง ด้วยการเอาเทป 24 แทร็คสองชุดล็อคเข้าด้วยกัน ซึ่งการอัดเสียงร้องแบ็คอัพแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนที่แอบบีย์ โรด และทำให้เพลง “Time” ฉบับสุดท้าย เป็นการรวมการบันทึกเสียงถึง 96 แทร็คเข้าด้วยกัน

ส่วนวิดีโอถ่ายทำที่โดมิเนียน เธียเตอร์ เมื่อ 22 พฤษภาคม โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง และต้องเก็บกองกันอย่างรวดเร็วเพื่อให้ละครแสดงรอบค่ำได้ทันเวลา ซึ่งละครเพิ่งเปิดการแสดงในช่วงต้นเดือนเมษายนของปี 1986 นี่เอง โดยเฟร็ดดีมาชมการแสดงคืนแรกด้วย

เพราะกลัวว่าจะจับภาพการแสดงของเฟร็ดดีได้ไม่เต็มที่ ทำให้ต้องใช้กล้องถึง 4 ตัวในการถ่ายทำ ก่อนตัดต่อเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว เพื่อไปออกอากาศใน Top of the Pops รายการเพลงฮิตทางโทรทัศน์ของเกาะอังกฤษ สัปดาห์ถัดไปได้ทัน และเป็นการถ่ายทำแล้วตัดลงวิดีโอโดยตรง ไม่ใช่ทำเป็นฟิล์ม 35 ม.ม. ออกมาก่อน

ซิงเกิล “Time” ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 6 พฤษภาคมปีเดียวกัน และเป็นซิงเกิลที่ 6 ในฐานะศิลปินเดี่ยวของเฟร็ดดี ส่วนฟุตเตจในการถ่ายทำก็ถูกเก็บไว้ในกรุมาจนถึงวันนี้

หลังเวลาผ่านไป 4 ทศวรรษ กับงานต้นฉบับที่ขายได้เป็นล้านๆ ก็อปปี ซึ่งเรียกว่าทำงานได้ดีอย่างเต็มปาก แต่เดฟ คลาร์คยังจำการทำงานในค่ำคืนของปี 1986 ที่แอบบีย์ โรดของเฟร็ดดี เมอร์คิวรีได้ดี รวมไปถึงอารมณ์ที่เขามีในช่วงเวลาของการซ้อม, ความรู้สึกที่ทำให้ ‘ขนลุก’ ซึ่งยังไม่เคยถูกนำออกมาเสนอให้ใครๆ ได้รับรู้ แถมเจ้าตัวก็อยากได้ยินแค่เสียงร้องของเฟร็ดดี และเปียโนของไมค์ โมแรน หลังหมดเวลาไปกับการรื้อกรุเก็บงานอยู่พักใหญ่ เขาก็เจอกับงานบันทึกเสียงที่ไม่มีเสียงร้องแบ็คอัพ และใช้เวลากู้มันกลับมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2018

จากนั้นก็เอาไมค์ โมแรนมาบันทึกเสียงเปียโนใหม่ กระบวนการกู้ผลงานครั้งประวัติศาสตร์ให้เป็นไปได้มากที่สุด เป็นไปในสตูดิโอที่บัคกิงแฮมไชร์ โดยเดฟเชื่อมั่นว่า ‘ความเป็นไปไม่ได้คือความเป็นไปได้’ ในที่สุดผลงานและการทำงานที่เขาหวังจะกู้กลับมาให้ได้ ที่เป็นการย้อนลอกทั้ง 96 แทร็คให้กลายมาเป็นเพลงเวอร์ชันที่มีเพียงหนึ่งเดียว คือเสียงของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี ก็ประสบความสำเร็จ

แต่เดฟไม่ได้ต้องการแค่เสียง ยังต้องมีภาพ และเขาก็ไม่ต้องไปเอาฟุตเตจเก่าๆ จากไหนมาตัดรวมกัน เพราะมีฟิล์มเนกาถีฟของกล้องทั้งสี่ตัวซึ่งยังไม่ผ่านกระบวนการใดๆ และถูกส่งไปเก็บไว้ที่แรงค์ แลบอราทอรีส์ ในไพน์วูดตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนจะส่งกลับมาให้เขาหลังหนังสารคดีเมื่อปี 2014 ของเดฟ เรื่อง Glad all Over The Dave Clark Five and Beyond ออกฉาย เดฟทำงานกับมือตัดต่อของเขาอยู่นานถึงสี่วัน เพื่อจัดการกับฟิล์มที่มี และกลายเป็นมาสเตอร์พีซทางด้านภาพตามมา เมื่อนำเสนอ ‘การแสดงที่ยอดเยี่ยม ที่สัมผัสทุกคำร้องที่ปรากฎ’ ของเฟร็ดดี เมอร์คิวรีออกมาให้เห็น

“Time Waits For No One” กลายเป็นเพลงที่แสดงการสดุดีให้กับพลังทางดนตรีของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี ไม่ว่าจะเป็นการแสดง, การถ่ายทอดอารมณ์, การใช้เสียง และหลังจากที่ต้องรอคอยกันมานานถึง 4 ทศวรรษ เพลงนี้ก็กลายเป็นการสรรญเสริญที่แสนงดงามที่โปรดิวเซอร์, นักดนตรี, นักแต่งเพลง และเพื่อนคนหนึ่งมีต่อเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง กว่าจะเป็น “Time Waits For No One” เพลงใหม่จากกรุเก่าของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 24 มิถุนายน 2562