ความสำเร็จของ La La Land ประตูสู่ยุคใหม่ของหนังเพลง

La La Land เป็นหนังเพลงที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่อง ในแบบที่งดงามเหลือเกิน โดยรายได้นั้น หนังทำเงินทั่วโลกไปแล้วร้อยสามสิบกว่าล้านเหรียญสหรัฐ โดยใช้ทุนสร้างเพียง 30 ล้าน ส่วนเรื่องกล่องหนังก็กวาดทุกรางวัลที่เข้าชิงบนเวทีลูกโลกทองคำ แล้วได้รับคำวิจารณ์ที่ดี

ตัวหนังไม่ใช่แค่หนังเพลงเพราะ แต่มีหลายอย่างอยู่ข้างใน ที่จับรู้สึกได้ก็คือ การยกย่องบรรดานักฝันทั้งหลาย ที่ผ่านความผิดหวังมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่บางมุมก็เหมือนกับการเย้ยหยันเสียดสีไปในตัว และทำให้หนังที่ดูเหมือนเป็นหนังเพลงโรแมนติคเรื่องนี้ มีความลึกซึ้งอยู่ข้างใน ที่สำคัญ เดเมียน ชาเซลล์ ผู้กำกับ/ เขียนบทของหนัง มาพร้อมความเฉพาะตัว ทำให้ La La Land กลายเป็นหนังเพลงยุคใหม่ของฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็นความกล้าในการผสมผสานอารมณ์แบบถวิลหาอดีต เข้ากับสไตล์ใหม่ๆ และทำให้ผู้บริหารสตูดิโอในฮอลลีวูด ยอมเปิดไฟเขียนให้หนังเพลงอีกราวๆ 20 เรื่อง นี่คือหนังที่เป็นผู้เปิดประตูสู่หนังเพลงยุคใหม่ และทำให้หนังแนวที่เหมือนจะไม่มีใครอยากทำกลับมาได้รับความสนใจอีกหน

หลัง La La Land คอหนังจะได้ชมภาพยนตร์เพลงที่หลายๆ คนตั้งตารอคอย กับการขึ้นจออีกครั้งในแบบคนแสดงของหนังเพลงคลาสสิคของดิสนีย์ Beauty and the Beast ที่มีนักแสดงเต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่แพ้ La La Land อย่าง เอ็มมา วัตสัน (ที่มีข่าวว่า เธอคือตัวเลือกแรกของชาเซลล์ใน La La Land ก่อนจะเป็นเอ็มมา สโตน อย่างที่เห็น) กับ แดน สตีเวนส์ จาก Downton Abbey ที่เล่นเป็น เบลล์ และบีสท์

แล้วก็ตามด้วยการกลับมาของแมรี ป็อปปินส์ใน Mary Poppins Returns ซึ่งได้เอมิลี บลันท์นำแสดง ประกบกับ ลิน-มานูเอล มิแรนดา ซูเปอร์สตาร์บนละครเวทีเรื่อง Hamilton โดยตัวเพลงจะเป็นเพลงใหม่ ที่แต่งโดย มาร์ค ไชแมน แห่ง Hairspray และสก็อทท์ วิทท์แมน ขณะที่มิแรนดาก็จะไปร่วมงานกับอลัน เมนเคน เพื่อแต่งเพลงใหม่ให้กับ The Little Mermaid ฉบับสร้างใหม่คนแสดง

เดอะ นิว ยอร์ค ไทม์ส เผยว่า มีหนังเพลงร่วมๆ 20 เรื่อง อยู่ในระหว่างดำเนินงานสร้างตามสตูดิโอต่างๆ มีทั้งการเอาละครเพลงชื่อดังอย่าง Wicked มาขึ้นจอ ซึ่งการเอาละครเพลงบรอดเวย์มาทำเป็นหนังกำลังเป็นกระแสที่มาแรง แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ มีหนังเพลงที่ไม่ใช่การเอาของเก่ามาเล่าใหม่หลายเรื่องเตรียมงานสร้างอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นกันมานานนับตั้งแต่ยุค 90 โดยไม่นับบรรดาหนังแอนิเมชัน

ในปี 2017 ฮิวจ์ แจ็คแมน จะรับบทเป็นแม่เหล็กคนสำคัญผู้มีชื่อเสียงของคณะละครสัตว์ พีที บาร์นัม ใน The Greatest Showman ซึ่งจะมีเพลงใหม่ๆ ให้ฟังถึง 12 เพลง ดิสนีย์เองก็มีข่าวว่า กำลังพัฒนา Bob: The Musical เรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ชีวิตจู่ๆ ก็มีเพลงเต็มหัว หลังได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ขณะที่ยูนิเวอร์แซล ก็เพิ่งชนะสงครามประมูลบทหนังเพลงเบาสมองที่ยังไม่มีซึ่อ ซึ่งนำแสดงโดย จอช แก็ดด์ และเพลงแต่งโดย อลัน เมนเคน กับสตีเฟน ชวาร์ทซ์ จาก Wicked

คริสเทน วิก และวิลล์ เฟอร์เรลล์ จะแสดงนำในหนังเพลงที่สร้างจากหนังสือ Everything’s Coming up Profits: The Golden Age of Industrial Musicals ซึ่งจะเน้นที่งานเพลงสร้างความจดจำให้สินค้าขององค์กรต่างๆ ที่มีเป็นร้อยๆ เพลงจากยุค 50 – 80 โดยบริษัทอย่าง โคคา-โคลา, เวสติงเฮาส์ และเชฟโรเล็ท

มาร์ค แพล็ทท์ ผู้อำนวยการสร้าง La La Land ที่กำลังยุ่งอยู่กับ Mary Poppins Returns และหนังของวิก/เฟอร์เรลล์ ย้ำว่า “ขอบคุณมากๆ ที่ฮอลลีวูดให้ความสนใจในหนังแนวนี้ ผมคิดว่า ผู้คนกำลังมองหางานที่เป็นต้นฉบับและมีความสดใหม่ หนังเพลงมันเป็นงานที่มีแนวทางของมันเอง มีสถานภาพของตัวเอง ผมคิดว่าตอนนี้เพดานของถูกคนดูยกไปแล้ว คุณต้องสร้างแฟนหนังรุ่นใหม่ๆ ที่โตมากับ หนังโทรทัศน์อย่าง Glee ดนตรีมีวิธีที่จะเข้าถึงเราทุกอย่าง และทำให้รู้สึกดีขึ้น”

และหนังเพลงก็เป็นงานที่ทำให้หนีโลกแห่งความจริงได้ดีที่สุด ซึ่งจะจริงไหมต้องรอดูกัน

(เนื้อหาและมุมมองบางส่วนโดย คลาริสเซ ลอฟห์รีย์ จาก www.independent.co.uk)

จากเรื่อง ความสำเร็จของ La La Land ประตูสู่ยุคใหม่ของหนังเพลง คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 19 มกราคม 2560

[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่