งานเพลงเร่งต่อมอะดรีนาลีน ตื๊ดลืมตาย ของ Alesso และ Zedd

จากที่เคยถูกมองว่าจะมาๆ กันสัก 2-3 ปีก่อน ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ คงต้องบอกว่า งานเพลงอีดีเอ็ม (EDM – Electronic Dance Music) มากันจริงๆ ซะทีในบ้านเรา เห็นได้จากงานเทศกาลดนตรีที่เป็นการรวมตัวของบรรดาดีเจ และศิลปินอีดีเอ็มทั้งหลาย มีให้ได้ไปสนุกสนานกันอย่างต่อเนื่อง

และนี่คือสองอัลบั้ม ของสองศิลปินในแนวทางนี้ ที่ถือว่ากำลังขึ้นหม้อ รายแรกคือ อเลสโซกับอัลบั้ม Forever ขณะที่รายต่อมาก็คือ เซ็ดด์ กับงานชุด True Colors ที่แม้จะเป็นศิลปินในทางเดียวกัน แต่เนื้องาน รายละเอียดของเพลงที่ทำก็มีความแตกต่าง

อเลสโซนั้น อัลบั้ม Forever ของเขาคืองานชุดแรก แต่ก็ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการเพลงอีดีเอ็มแล้ว เพราะเคยทำงานกับศิลปินมากมาย หลากหลายแนวทางมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น อาวีซี ที่เป็นทั้งสวีดิชเหมือนกัน และทำเพลงอีดีเอ็มเหมือนกัน, คัลวิน แฮร์ริส, อัชเชอร์, เดวิด เก็ตตา, เซบาสเตียน อินกรอสโซ และวงร็อคอย่าง OneRepublic ได้เป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ เช่น โคเชลลา, อีเล็คตริค เดซี คาร์นิวัล หรือ ทูมอร์โรว์แลนด์ ได้เป็นดีเจร่วมทัวร์กับมาดอนนา ใน MDNA Tour และถูกยกให้เป็นหนึ่งในศิลปินอีดีเอ็มหน้าใหม่ที่น่าจับตาของเอ็มทีวี เมื่อปี 2012

ส่วนเซ็ดด์นี่คือขาเก่าเล่ายี่ห้อ แม้ True Colors จะเป็นแค่งานชุดที่ 2 ต่อจากงานชุดแรก Clarity เมื่อปี 2012 แต่เครดิตในการทำงานระหว่างทางก็เพียบ และคว้าแกรมมีครั้งที่ 56 ในสาขา เพลงบันทึกเสียงแนวแดนซ์ยอดเยี่ยมมาได้แล้วจากงานชุดแรก

ในภาพรวม ด้วยแนวทางของเพลง ด้วยซาวนด์ของงาน เพลงของอเลสโซและเซ็ดด์ ก็คืองานอีดีเอ็ม เป็นงานเพลงเต้นรำ เน้นความสนุกสนาน จังหวะคึกคัก ที่ไม่ได้มีแค่บีท หรือซาวนด์ หากยังมีท่วงทำนอง ที่เป็นเมโลดีสวยๆ ให้ได้สัมผัส ทั้งในเพลงที่เป็นงานบรรเลง หรือเพลงร้อง ขณะที่อเลสโซมีเพลงอย่าง Heroes (We Could be) ที่ได้โทฟ โลมาร้องเป็นเพลงเด่น ทางเซ็ดด์ก็มี I Want You to Know ซึ่งเซเลนา โกเมซมาร่วมงานเป็นเพลงนำ ซึ่งเพลงที่ออกมาก็ ‘ได้’ ในทางของป็อป ฟังเอาสนุกก็ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มชุดไหน Forever หรือว่า True Colors ต่างก็คืออัลบั้มที่เข้าถึงได้ง่ายเช่นกันในภาพรวม

ซึ่งกับคนที่ไม่ใช่คอเพลงอีดีเอ็ม ก็น่าจะสัมผัส และรับอัลบั้มทั้งสองชุดนี้ได้ไม่แตกต่างกัน

แต่หากจะมองถึงความต่าง Forever ของอเลสโซ จะมีเพลงที่ฟังติดหู มีความเป็นป็อปมากกว่า True Colors นอกจาก Heroes (We Could be) แล้ว ก็ยังมี Sweet Escape, Scars หรือว่า Under Control ต่างก็มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นเพลงซิงเกิลได้ แม้ในแง่ของการเรียบเรียงดนตรี หรือโครงสร้างของงานจะมีมุขซ้ำให้รู้สึกอยู่่บ่อยๆ ก็ตามที

งานของเซ็ดด์ ในแง่ของคุณภาพของงาน ความซับซ้อน ความหลากหลายของซาวนด์ ของดนตรี มากันแบบสมกับชื่ออัลบั้ม True Colors ถือเป็นงานที่ดนตรีมาแบบจัดจ้าน จะเอาฟรุ้งฟริ้งก็มีให้ จะเอาบีทหนักๆ สำหรับคออีดีเอ็มแบบ ‘ถึงๆ’ ก็มีให้เหมือนกัน หรือกับ Daisy ดนตรีก็ใส่ไลน์แบบเครื่องสาย ของดนตรีคลาสสิคัลเข้ามาอย่างลงตัว ก่อนที่ช่วงท้ายจะรับด้วยบีทเบาๆ แบบเพลงป็อป-แดนซ์น่ารักๆ

หรือหากจะเอาแบบนวลๆ ขายความซาบซึ้ง ประทับใจ Illusion ที่เซ็ดด์ทำงานกับวง Echosmith ก็สวยงาม ฟังลอยล่อง เคลิ้มฝัน และเป็นเพลงปิดอัลบั้มได้อย่างงดงาม

งานนี้ในความเหมือนมีความต่าง ในความคล้ายมีความแปลก ซึ่งไม่ว่าจะเป็น Forever หรือว่า True Colors ต่างก็มีดี มีด้อยแตกต่างกันไป ชอบแบบรับง่าย เข้าถึงไม่ยากนัก Forever น่าจะเป็นงานชุดนั้น แต่ถ้าต้องการยกระดับขึ้นมาอีกนิด เพื่อได้เห็นความท่วงท่าที่หลากหลายมากขึ้น True Colors ดูจะสมน้ำสมเนื้อมากกว่า

ลางเนื้อชอบลางยา ก็ว่ากันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นงานชุดไหน ก็เป็น EDM 101 สำหรับมือใหม่หัดฟังกันได้ทั้งคู่

งานเพลงเร่งต่อมอะดรีนาลีนของ Alesso และ Zedd โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 31 กรกฎาคม 2558

สามารถกดไลค์ Like ติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่