ดูเรื่องราวชีวิตในบทเพลงที่แสนนุ่มนวล ละเมียดละไม ของเบิร์ท แบคาแรค

ในวงการเพลง ชื่อของเบิร์ท แบคาแรค ก็คือหนึ่งในชื่อของ ศิลปิน, โปรดิวเซอร์, นักแต่งเพลง, นักเรียบเรียงดนตรี, มือเปียโน ระดับตำนานอีกคนหนึ่งของวงการ นี่คือคนที่คว้ารางวัลแกรมมีอวอร์ดส์กลับบ้านมาแล้วทั้งหมดถึง 6 ครั้ง และมีรางวัลออสการ์การันตีผลงานอีก 3 หน

นอกจากรางวัลส่วนตัว และผลงานเพลงฮิตมากมายจากยุค 50 – 80 ที่เขาประพันธ์ดนตรี และมีฮัล เดวิส ประพันธ์เนื้อร้อง เช่น Walk on By, Raindrops Keep Fallin’ on My Head แบคาแรคยังเป็นคนที่ค้นพบศิลปินอีกหลายต่อหลายคน ที่กลายเป็นตำนานในวงการเพลงมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ ดิออน วอร์วิค ที่เป็นเจ้าของเสียงร้องในเพลงฮิตของแบคาแรคกับเดวิสหลายๆ เพลง ที่บรรจงแต่งให้เธอในช่วงปี 1957–63

จากสถิติที่บันทึกไว้ในปี 2014 แบคาแรคที่อายุ 88 ปีแล้วในปีนี้ มีเพลงฮิตติดชาร์ตเพลง ท็อปโฟร์ตี้ ในอเมริกามากถึง 73 เพลง และในอังกฤษ 52 เพลง

และเมื่อปีที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษก็ได้จัดรายการพิเศษเป็นคอนเสิร์ต A Life In Song ให้กับเบิร์ท แบคาแรค ที่โรยัล เฟสติวัล ฮอลล์ ซึ่งมีศิลปินมากมาย ได้แก่ รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน, อัลฟี โบ, โซฟี เอลลิว-แบ็กซ์เตอร์, ฌอน เอสคอฟเฟรีย์, จัสติน เฮย์เวิร์ธ, ไมเคิล คิวานูกา, ลอรา มวูลา และจอสส์ สโตน มาขับขานบทเพลงของแบคาแรค ให้ผู้ชมในฮอลล์และทางบ้านที่ชมผ่านการออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ดูกัน แล้วตอนนี้คอนเสิร์ตนี้ก็ทำเป็นดีวีดี และบลู-เรย์ ให้ซื้อหามาชมกันแล้ว

กับโชว์ อาจจะไม่ถูกใจคอเพลงที่ชอบสีสันดนตรีที่จัดจ้าน อยากได้ความหวือหวาของโชว์นัก เพราะเป็นโชว์ที่ดูเรียบง่าย เน้นเพลงมากกว่าเรื่องของโปรดัคชันที่ฉูดฉาด การแสดงเป็นวงดนตรีวงใหญ่ มีวงออเคสตราเสริม ทำให้ดนตรีแน่น นุ่มนวล อบอุ่นละเมียดละไม สมกับเมโลดีที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบคาแรค

นักร้องแต่ละคนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียง ทุกคนคือตัวจริง แม้ในหลายๆ เพลงอาจจะรู้สึกว่า อยากให้คนที่เป็นเจ้าของเสียงต้นฉบับ หรือเสียงแรกๆ ของเพลงเหล่านี้มาร้องมากกว่า เพื่อเป็นเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชม หรือบางทีเบิร์ท แบคาแรคเอง

แต่ที่พิเศษที่สุดในโชว์นี้ก็คือ ก่อนการแสดงในแต่ละเพลง จะมีการพูดคุยระหว่างไมเคิล เกรด ผู้ดำเนินรายการกับตัวแบคาแรค ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ความเป็นมาของเพลง เช่น เพลงที่แต่งเร็วที่สุด หรือการใช้คำว่า นิวมอเนีย มาใส่ในเพลง I’ve Never Fall in Love Again ได้ยังไง แต่ยังมีเรื่องของชีวิตในวงการเพลงยุคนั้น อย่าง อาคารที่เป็นศูนย์รวมของบริษัทพิมพ์เพลงอย่าง บริลล์ บิลดิง (Brill Building) ที่เต็มไปด้วยนักแต่งเพลงมากมาย การได้พบกับดิออน วอร์วิค รวมไปถึงชีวิตของแบคาแรคเอง อย่างสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจเอาดีกับการเรียนเปียโน หลังจากที่ไม่ค่อยอยากจะทำนักในตอนแรก มาเล่าสู่กันฟังด้วย

การแสดงมีไฮไลท์ที่การแสดงเมดลีย์ของวงเบิร์ท แบคาแรค แบนด์ ที่เจ้าตัวทำหน้าที่มือเปียโน ซึ่งเอาเพลงฮิตๆ ของเขามาร้อยด้วยกันถึง 9 เพลง และมีเพลงร้องหมู่ That’s What Friend Are for เพลงป็อปความหมายดีๆ สำหรับทุกคนที่มีเพื่อน เป็นเพลงสุดท้าย (ในดีวีดี) รวมความยาวทั้งหมด 111 นาที

แต่ในเนื้อหาพิเศษก็ยังมีเพลงแถมให้ได้ชมกันอีกถึง 3 เพลง เรียกว่างานนี้มีดนตรีดีๆ ให้ชม ให้ฟังกันอย่างเต็มอิ่ม ที่สำคัญทุกเพลงที่ได้ชมกัน มาเต็มในเรื่องของความละเมียดละไม นุ่มนวล อบอุ่น เป็นดนตรีที่ ‘สวย’ จริงๆ

ตัวภาพในดีวีดี มาเป็นอัตราส่วน 16:9, เสียงให้มาทั้งเสตอรีโอ, 5.1 และ ดีทีเอส แล้วก็มีบรรยายภาษาอังกฤษมาให้ด้วย ซึ่งทำให้คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงนักอย่างผู้เขียน ทำความเข้าใจได้มากขึ้น เพราะอ่านยังไงๆ ก็ดีกว่าฟัง

และทำให้รัก และชื่นชมในบทเพลงและตัวตนของเบิร์ท แบคาแรคมากขึ้น

จากเรื่อง ดูเรื่องราวชีวิตในบทเพลงที่แสนนุ่มนวล ละเมียดละไม ของเบิร์ท แบคาแรค คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 13 เมษายน 2559