Music ReviewREVIEW

ฟังไปแล้ว – การเดินทางของเรื่องราวจาก FATE αlpha สู่ FATE Ωmega ของค็อกเทล

FATE αlpha / Cocktail
[Gene Lab]
FATE Ωmega/ Cocktail
[Gene Lab]

แค่ชื่อ Fate αlpha และ Fate Ωmega สองอัลบัมของค็อกเทล วงดนตรีที่มี โอม – ปัณฑพล ประสารราชกิจ ผู้บริหารค่ายเพลง ยีนแล็บ ในเครือบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมีเป็นนักร้องและแกนนำคนสำคัญ รวมถึงสมาชิกรุ่นก่อตั้งเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดทำงานในนามของวงมาจนถึงตอนนี้ ที่ออกในช่วงเวลาสองปีติดต่อกัน ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอัลบัมพี่น้อง หรือน่าจะต้องมีความเกี่ยวพันกัน

ย้อนไปถึงอดีต ดูวันเวลาในการทำงานรวมถึงผลงานของค็อกเทล พวกเขาเริ่มต้นกันมาก่อนจะเป็นหนึ่งในศิลปินของสังกัดจีนีเรคอร์ดส์ โดยออกอัลบัมแรก Cocktail ตั้งแต่ปี 2545 ตามบันทึกที่มีอยู่ในวิกิพีเดีย เมื่อนับมาถึงวันนี้ พวกเขามีอายุอานามถึง 2 ทศวรรษ มีอัลบัมออกมา 8 ชุด มี Fate Ωmega เป็นงานชุดล่าสุด แล้วก็มีอีพีอีก 3 ชุด

หากนับ Ten Thousand Tears งานชุดที่ 4 ของวง แต่เป็นอัลบัมแรกที่ได้ออกกับค่ายใหญ่เมื่อปี 2554 เป็นหลักกิโลแรกในการทำงาน ถือว่าดนตรีร็อคของค็อกเทลมีลักษณะเฉพาะตัว มีความแตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่น มาตั้งแต่ออกสตาร์ต การแต่งท่วงทำนองที่ฟังสละสลวย การเรียบเรียงที่นำเครื่องสายมาใช้สร้างความสวยงามให้เพลง มาขนาดนี้คงไม่ต้องพูดถึงความเป็นพ็อปของงาน เมื่อสมการเริ่มต้นมีทั้งเมโลดีที่สวย การเรียบเรียงที่งามเป็นทุนตั้งตัว

 

ซาวนด์ดนตรี แม้จะรู้สึกถึงอิทธิพลของดนตรีร็อคทั้งจากฝั่งอังกฤษ ทั้งสหรัฐอเมริกา หรือกระทั่งเจ-ร็อค แต่เมื่อผ่านการปรุงแต่งของพวกเขา ก็เข้ามาอยู่ร่วมกันในอัลบัมได้อย่างไม่เคอะเขิน หากผสมผสานกันก็เป็นไปอย่างลงตัว เช่น “ในสายตาเธอ” เพลงบัลลาดที่ทำให้นึกถึงงานของวงร็อคแฮร์แบนด์อเมริกันยุค 80 หรือ “ฉันร้องไห้เป็นหมื่นครั้งเพื่อมาเจอเธอ” ที่เสียงกีตาร์มีกรุ่นกลิ่นของดนตรีบริต-พ็อปให้รู้สึก ซึ่งทั้งหมดมีจุดร่วมกันอยู่ที่เสียงร้องของปัณฑพล และซาวนด์ของวง ที่นอกจากทำให้แต่ละเพลงผูกโยงเข้าด้วยกัน ยังสร้างตัวตนของพวกเขาไปในคราวเดียวกัน

เนื้อหา ถ้อยคำภาษาก็มาแบบเดียวกับท่วงทำนอง บางเพลงก็เพิ่มด้วยเรื่องราวที่กระตุกหู บางเพลงก็ขายของสำเร็จได้ตั้งแต่ชื่อ เช่น “ฉันร้องไห้เป็นหมื่นครั้งเพื่อมาเจอเธอ” หรือว่า “งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง” ที่ชวนให้คลิกฟังเหลือเกิน

และพอคลิกจริง ๆ ก็ไม่รู้สึกผิดหวังที่ได้ยิน… ทั้งในเรื่องของเนื้อหา หรือว่าดนตรี

The Lords of Misery งานชุดต่อมาที่ออกในปี 2557 ค็อกเทลเติบโตขึ้น ดนตรีซับซ้อนกว่าเดิม ในหลาย ๆ เพลงมีมูฟเมนต์ที่หลากหลาย สับเปลี่ยนไปมา จนงานของพวกเขานอกจากจะเป็นร็อคที่มีเครื่องดนตรีคลาสสิคัลเป็นเสน่ห์สำคัญ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวไปแล้ว ที่หนนี้ยังฟังดู “ใหญ่” ขึ้น หลาย ๆ เพลงยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอดนตรีโพรเกรสซีฟ ที่ซ่อนตัวอยู่ในความเป็นพ็อปได้แนบสนิท

5 ปีผ่าน ค็อกเทลกลับมาด้วยอัลบัมที่ใช้ชื่อวงเป็นชื่อชุด Cocktail ที่โดยสามัญกับการนำชื่อวงมาตั้งเป็นชื่ออัลบัมที่ไม่ใช่งานชุดแรก (ซึ่งพวกเขาเคยทำมาแล้ว) มันก็คือการบ่งบอก ตอกย้ำ ว่านี่คืองานที่แสดงถึงตัวตนของตัวเอง

และอัลบัม Cocktail ก็ทำหน้าที่ได้อย่างที่ทางวงต้องการ

แม้ดนตรีจะมีพื้นจากงานที่ผ่าน ๆ มา แต่ก็เติบโตกว่าเดิมชัด ชั้นของการเรียบเรียงดนตรีซับซ้อน ฟังอลังการ ถึงจะรู้สึก “ยาก” ในการเข้าถึง ในบางเพลง แต่ก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ได้อย่างที่เคยเป็น เห็นได้ชัดจากเพลงซึ่งเป็น “ของตาย” ของวง เช่น “ช่างมัน”

บางเพลงก็ขยับขยายขอบเขตดนตรีของวงออกไป อย่าง “ในเงา” ที่ก้าวไปสู่เส้นทางสายคันทรี

เนื้อหาคมคายของหลาย ๆ เพลงสามารถจับต้องไปมองได้หลากหลายแง่มุม ทั้งความรัก ทั้งชีวิต

แล้วก็มีเพลงที่เป็นก้าวกระโดด เช่น “ปรารถนาสิ่งใดฤๅ” หรือ “ทำดีไม่เคยจำ”

ที่เพลงหลังคือเพลง “โชว์” ของอัลบัมชุดนี้ตีคู่มากับ “ดนตรีกาล” เมื่อจัดเต็มทั้งมูฟเมนต์ที่หลากหลาย แนวทางดนตรีที่มีทั้งร็อค, เร็กเก รวมถึงงานไทยเดิมผ่านเพลงเห่ ไล่ไปจนถึงเมทัล

ส่วน “ดนตรีกาล” ที่เป็นการร่วมงานกับ ทฤษฎี ณ พัทลุง ก็คือการนำเสนอตัวเองในฐานะวง คลาสสิคัล ร็อก ที่เต็มรูปแบบที่สุดเท่าที่วงเคยทำมา (ในตอนนั้น) ผ่านเรื่องราว ผ่านการเรียบเรียงที่ผสมผสานดนตรีและการร้องแบบคลาสสิคัล เข้ากับดนตรีร็อกได้อย่างลงตัว และเข้มข้น โดยเฉพาะในท่อนท้าย ๆ ที่เสียงกีตาร์ร็อคแผดกร้าวเล่นรับส่งกับกลุ่มเครื่องสายได้สนุก มีท่อนดนตรีในแนวทางต่าง ๆ มาเบรก ช่วยตอกย้ำความเป็น “ดนตรีกาล” ก่อนจะปิดด้วยเสียงร้องใหญ่โต ดนตรีที่พาอารมณ์ไปถึงจุดพีก ซึ่งเป็นการจบเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

กับ 2 อัลบัมล่าสุด Fate αlpha (2564) และ Fate Ωmega (2565) ที่ชื่อให้ความรู้สึกเป็นอัลบัมพี่น้อง เป็นงานที่ดูมีความเชื่อมโยงกัน อย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้น

ค็อกเทลเหมือนกำลังพาตัวเองออกไปจากเส้นทางเดิม ๆ ที่เคยเดิน ที่อาจไม่ต่างไปจากการปล่อยให้ Cocktail อัลบัมเมื่อปี 2562 เป็นป้ายสุดท้าย หรือไม่ก็สถานีปลายทาง หรือว่าจุดสุดยอดของการทำงานในแบบคลาสสิคัล ร็อค

เพราะกับการฟังไล่เรียงมาเรื่อย ๆ ด้วยแล้ว… งานชุดนั้นให้ความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ

ทั้ง Fate αlpha และ Fate Ωmega ดนตรีพวกเขาเป็นร็อคแบบเมนสตรีมมากขึ้น ซาวนด์ดนตรีดิบ แรง หนักแน่นกว่าเดิม ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทกว่าที่เคยเป็น รวมถึงมีเพลงที่คลี่คลายเข้าหากลุ่มคนฟังวงกว้าง เช่น “อภิสิทธิ์ชน” งานจังหวะสนุก ๆ คึกคักในแบบสามช่า ซึ่งอยู่ใน Fate αlpha ส่วน Fate Ωmega ก็มีเพลงที่อวลไปด้วยกลิ่นไอของดนตรีลูกทุ่ง “คนจริงใจ” เพลงรักน่ารัก ๆ รวมศิลปินจาก 4 ภาค 4 ภาษา ทั้งปัณฑพล (กลาง), ปู่จ๋าน ลองไมค์ (เหนือ), พงศ์ พัทลุง (ใต้) และลำใย ไหทองคำ (อีสาน)

เพลงเปิดอัลบัมทั้งสองชุดต่างเป็นร็อคเข้มข้น จาก “หัวใจเหล็ก” ใน Fate αlpha มาเป็น “ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร” ของ Fate Ωmega ที่ต่างก็ไม่ใช่เพลงรักและมีอะไรบางอย่างคล้าย (หรือร่วม) กัน การใช้เสียงร้องประสานแบบวงประสานเสียงในโบสถ์ บีตอิเล็กทรอนิกส์แน่น ๆ แบบงานอินดัสเทรียลจากเพลงแรก แต่มาขับเน้นบรรยากาศที่ทำให้นึกถึงงานในยุค ‘80 ของเพลงหลัง

แต่ที่สะดุดหูก็คือ บรรดาเพลงที่มาพร้อมกับแขกรับเชิิญ ที่ค็อกเทลสามารถหยิบลายเซ็นของแต่ละคนมาใส่ในดนตรีร็อคของพวกเขาได้อย่างกลมกลืน

“ดึงดัน” ที่ร่วมงานกับศิริพร อยู่ยอด ภาษา-จังหวะจะโคน และลูกเล่นของเพลงฮิตจากศิลปินหญิงเสียงดีคนนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งในเพลงได้เนียนสนิท “รักจริง (ให้ดิ้นตาย)” ที่นอกจากท่อนแร็ปของเอฟ. ฮีโร ที่แทรกเข้ามา ก็มีคำร้องที่เป็นภาษาเพลงของแขกรับเชิญอีกคน ติ๊ก ชีโร ซึ่งท่อนร้องรองรับด้วยเปียโนหวาน ๆ แบบเดียวกับเพลงดังยุคหลังของศิลปินรายนี้ “นักดนตรี” ที่นอกจากสองสมาชิกไททศมิตร ยังมีธนพล อินทฤทธิ์ เจ้าของเสียงร้องเรื่องราวเล่าถึงชีวิตนักดนตรีที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมานาน ซึ่งเนื้อหาเข้ากับตัวตนของคนร้องที่ผู้คนมองเห็นหรือรับรู้ ตัวเพลงก็เด่นด้วยดนตรีคันทรี ร็อคในแบบธนพล และซาวนด์แบบไททศมิตร ที่หลอมรวมกับงานที่มีกลิ่นไอของค็อกเทล

เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะเป็นอัลบัมชุดไหน แนวทางดนตรีถูกขยาย หลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในกรอบเดียวกัน โดยลักษณะเฉพาะตัวในการแต่งเพลงของค็อกเทลยังไม่ไปไหน ท่วงทำนองที่ไพเราะ ความเป็นพ็อปในเพลง แล้วก็ฟังง่าย คลี่คลายกว่า Cocktail ที่หลาย ๆ เพลงพวกเขาใส่เต็มจัดหนัก จนเป็นอัลบัมที่ฟังแล้ว “ทึ่ง” มากกว่าเข้า “ถึง” สำหรับคอเพลงทั่ว ๆ ไป เนื้อหาเปิดพื้นที่ให้มองได้กว้างไกลกว่าเดิม หลาย ๆ เพลงอาจรู้สึกเหมือนเป็นเพลงรัก แต่ก็คิดอีกทีก็ไปไกลกว่านั้นได้ เช่น ใน “ไร้ญาติขาดมิตร” และ “ต่างคน”

การมาถึงหลังจาก Cocktail ทำให้ Fate αlpha และ Fate Ωmega ดูเป็นการผ่อนคลายทั้งสำหรับคนฟังและคนทำงาน ดนตรีไม่ซับซ้อนนัก แล้วรู้สึกถึงการอยากทำอะไรสนุก ๆ ที่ไม่ต้องใหญ่โต และไม่ถึงขั้นเป็นงานทดลอง แล้วด้วยความที่มีจุดร่วมกันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ชื่อ ทั้งดนตรี มุมมอง หรือวิธีการสร้างงาน ที่มองผลสำเร็จของงานจากสายตาของคนนอก นี่คืออัลบัมที่ต้องฟังคู่กัน เมื่อรู้สึกถึงความเป็นกลุ่มก้อน และน่าจะเป็นอีกหลักไมล์หนึ่งในการทำงานของวง

ที่การวางจำหน่ายในรูปแบบซีดี ซึ่งทำออกมาเป็นแพ็คคู่ขายด้วยกัน ในชื่อ Fate ย่อมพอจะบอกถึงความตั้งใจของพวกเขาได้กลาย ๆ ว่าอยากจะให้คนฟังสัมผัสกับงานสองชุดนี้แบบไหน

ด้วยรูปลักษณ์ของแพ็คเกจ ดีไซน์ของปก การออกแบบต่าง ๆ ไล่เข้ามาถึงเนื้อในของอัลบัม ที่ถึงจะฟังคลี่คลาย ผ่อนอารมณ์ กว่างานที่ผ่านมา หากในเรื่องความตั้งใจ ความเข้มข้นในการทำงาน เอาแค่การนำศิลปินรับเชิญมาทำงานร่วมกัน แล้วลายเซ็นตัวตนทุกอย่างของแต่ละคน และของวงยังอยู่ครบ แบบเป็นก้อนเดียวกันไม่มีสะดุด มันก็จบ โดยไม่ต้องพูดอะไรต่อไปให้มากความอีกแล้ว

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 34 ฉบับที่ 8 ตุลาคม 2566

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Music Review

Comments are closed.