ฟังไปแล้ว – ‘THE BRIDGE’ อัลบัมใหม่ของสติง งานสมค่า สมราคาของการเป็นผลงานเพลงใหม่ในรอบ 5 ปีของรุ่นใหญ่

THE BRIDGE / Sting
(A&M Records)

ถึงจะไม่ได้หายหน้า หายตาไปจากการออกอัลบัมให้ได้ฟังกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่า ‘The Bridge’ อัลบัมใหม่ หมายเลข 15 ของสติง จะเป็นอัลบัมชุดแรกในรอบ 5 ปีของเจ้าตัว หลังจากอัลบัม ‘57th & 9th เมื่อปี 2016 ที่เป็นงานเพลงใหม่ยกชุด เพราะงานชุดที่ 14 ‘My Song’ (2019) ก็คืออีกครั้งที่สติง เอาเพลงเก่าของตัวเองมาตีความใหม่ ส่วน ‘442/ 876’ (2018) ก็เป็นการทำงานร่วมกันของสติงกับแช็กกี ศิลปินจาไมกัน ที่ทำให้เขาได้ฉายความเป็นเร็กเกแมนในตัวเต็ม ๆ ออกมา

ไม่ต่างไปจากอัลบัมของศิลปินหลาย ๆ รายที่ออกมาในช่วงหลังปี 2020 ที่เป็นการทำงานในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสติงก็เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในอัลบัมด้วยเช่นกัน ว่าเขียนเพลงใน ‘The Bridge’ ช่วง “หนึ่งปีที่เกิดการระบาดไปทั่วโลก, การสูญเสียส่วนบุคคล, การลาจาก, อุปสรรค, การล็อกดาวน์ และสังคมที่แตกต่างไปที่เคยเป็น ตลอดจนความวุ่นวายทางการเมือง”

และภาพรวมของอัลบัมเองก็ไม่ต่างไปจากสิ่งที่สติงเขียนเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของดนตรี

‘The Bridge’ มีแนวทางดนตรีหลากหลายให้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ร็อก, เร็กเก, แจ๊ซซ์ กระทั่งคันทรี ที่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีความเป็นป็อปอยู่ในตัวจากเมโลดี ภายใต้ซาวนด์ และโครงสร้างของงาน ที่มีสไตล์เฉพาะในแบบของสติง ที่อาจรู้สึกว่าฟังเป็นแพ็ทเทิร์น เหมือนมีพิมพ์เขียวเป็นงานในอดีตของเจ้าตัว ที่ย้อนไปไกลได้จนถึงสมัยที่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ The Police เช่น ที่ทางเมโลดีของ “Harmony Road” ในบางช่วง ชวนให้คิดถึงเพลง “Russian” จากอัลบัมเดี่ยวชุดแรกของสติง

หากก็เป็นซาวนด์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น ดนตรีเนี้ยบและละเอียดกว่าตามเทคโนโลยี รวมถึงมีลูกเล่นที่ทำให้เพลงมีเสน่ห์ และความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป

ซึ่งเนื้องานแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติสามัญของศิลปินที่มีที่ทาง มีความเป็นตัวของตัวเอง มีสไตล์ที่ชัดเจน มีมุมมองในการทำงาน มีสำเนียงดนตรี ที่อยู่ตัวอยู่แล้ว

ยิ่งบรรดาเพื่อนร่วมงาน นักดนตรีในห้องอัด ตัวหลัก ๆ ทั้งหลายยังเป็นคนหน้าเดิม ไม่ว่าจะเป็น โดมินิก มิลเลอร์ มือกีตาร์ ที่เห็นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของสติงในบ้านเรา ตั้งแต่ตอนมาเล่นครั้งแรก หรือแบรนฟอร์ด มาร์ซาลิส เจ้าของเสียงเครื่องเป่าในอัลบัมของสติง ที่ได้ยินตั้งแต่จากงานชุดแรก ‘The Dream of the Blue Turtle’ สรรพเสียง เทคนิคการเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ ก็เป็นอีกสิ่งที่ฟังคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น อะคูสติกกีตาร์ใน “For Her Love” เสียงแซ็กโซโฟนใน “Harmony Road”

ที่ทั้งหลายทั้งปวงหรือส่วนหนึ่ง ก็กลายเป็นลายเซ็นของงานในแบบสติง ไปในที่สุด

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีสัมผัสของความแตกต่าง หรือความสดในงานให้สัมผัส อย่างน้อย ในเรื่องของอารมณ์ดนตรี บรรยากาศของอัลบัม กับการเป็นเจ้าของฉายา “King of Pain” สติงใน ‘The Bridge’ ไม่ได้ส่งต่อบรรยากาศหม่น ๆ น้ำเสียงที่ฟังเครียด ๆ ให้ความรู้สึกทึม ๆ เช่นที่เคยเป็นในอดีต แม้หลาย ๆ เพลงจะมาพร้อมเนื้อหาที่ว่าด้วยการจมอยู่กับตัวเอง หรือกับความรู้สึกบางอย่าง แต่ตัวดนตรีนั้นฟังสดใส มีชีวิตชีวา เริ่มกันตั้งแต่เพลงเปิดอัลบัม “Rushing Water” ที่ฟังคึกคัก สนุกสนาน และน่าจะเป็นเพลงที่ทำให้สติงสนุกกับผู้ชมในโชว์ได้ไม่ยาก, “If It’s Love” ซิงเกิลแรกของงานชุดนี้ ดนตรีมีทางของโซลเป็นเสน่ห์ รุ่มรวยด้วยเครื่องเป่า แล้วก็ได้ผิวปากเป็นความเท่ เป็นความร่าเริง ที่ทำให้เพลงซึ่งว่าด้วยการเป็น “ไข้ความรัก” เพลงนี้ฟังน่ารักเป็นพิเศษ

แนวดนตรีต่าง ๆ ที่ถูกหยิบมาใช้ในงาน ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ ‘The Bridge’ ฟังสนุก เช่น “The Hills on the Border” เพลงที่กรุ่นไปด้วยเสียงเครื่องดนตรี และจังหวะจะโคนที่เป็นเสียงประจำของดนตรีคันทรี ที่เมื่ออยู่ในมือของสติง มันก็เป็นทั้งความหวือหวาในอัลบัมของเจ้าตัว ทั้งเป็นความแปลกหูของดนตรีคันทรี ที่ฟังแปลกไปจากที่เคย

รวมไปถึงการเขียนเพลงในบางเพลง ที่มีความเคลื่อนไหวของอารมณ์ ของบรรยากาศ หรือว่าโทนของเพลง จนรู้สึกราวกับกำลังการอ่านนิยายสักเรื่อง ที่เหตุการณ์มีหักมุม มีพลิกผันไปมา ที่สำคัญเพลงเหล่านี้ไม่ใช่งานที่ฟังยาก แม้จะรับรู้ถึงความซับซ้อน แต่สติงกับพรรคพวกก็รู้ว่าจะจัดการยังไง ให้เพลงเหล่านี้ไม่ใช่งานที่เกินเข้าถึง เช่นเดียวกับที่สามารถเติมเสน่ห์ และความสดแบบบาง ๆ ให้กับอัลบัมที่มากไปด้วยความคุ้นเคยชุดนี้ กลายเป็นงานที่ฟังรื่นรมย์ เพลิดเพลิน และสนุกได้

โดยที่เนื้อดนตรีก็สมค่า สมราคาของการเป็นผลงานเพลงใหม่ในรอบ 5 ปี ของรุ่นใหญ่ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการเพลงได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 33 ฉบับที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565

เป็นกำลังใจให้เราได้ ด้วยการสนับสนุนทางการเงินที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนคำขอบคุณ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่