ย้อนดูความสนุก ความมันส์ ความบันเทิงในวันคอนเสิร์ต 35 ปี คาราบาว

คอนเสิร์ต 35 ปีคาราบาว เล่นเสร็จกันไปแล้ว ตั้งแต่ 27 สิงหาคม รอบเดียว วันเดียว ที่อิมแพ็คท์ อารีนาเมืองทองธานี ซึ่งบัตรก็จำหน่าย ขายได้หมดเกลี้ยงสมกับเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ในวาระที่คาราบาว มีอายุการทำงานในวงการเพลงมา35 ปี โดยมีเพื่อนพ้องน้องพี่มากมาย มาร่วมแจม แสดงความยินดี ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าระดับตำนานอย่าง แหลม มอร์ริสัน ที่มาเล่นเพลงลูกหิน, ลูกแก้ว, สุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน), พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ, พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, เสก โลโซ รวมไปถึงศิลปินรุ่นใหม่ เดอะ ริชแมน ทอย, โพลีแค็ท และสกาย พาสส์

โปรดัคชันเองก็ทำมาแบบจัดเต็ม ดูยิ่งใหญ่ การออกแบบเวทีดูสวยงาม

โดยหน้าตาแล้ว คอนเสิร์ต 35 ปีคาราบาว เป็นงานที่เยี่ยมยอด ออกมาดูดีเล แต่กับเรื่องของการแสดง ต้องยอมรับว่า ยังมีส่วนที่ขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง อย่างเซ็ทเพลง แม้จะทำได้ดี ออกมางามไปจนถึงช่วงจบเพลง ผู้ปิดทองหลังพระ บอกได้เลยว่า ลงตัว และพออิ่ม แต่กับการแสดงหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนเกิน และทำให้โชว์ดูยืดยาวเกินเหตุ แต่กับแฟนเพลงบางคน หรือบางกลุ่มก็น่าจะแฮปปีที่ได้สนุกกับวงได้ยาวขึ้นอีกร่วมๆ 10 กว่าเพลง

ในเรื่องของโปรดัคชัน แสง-สี-เสียง ทำได้อย่างที่ประชาสัมพันธ์กันเอาไว้ เวทีสวย ซาวนด์ดนตรีแน่น เต็ม แต่พอมาถึงช่วงที่คาราบาว เปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นหลังๆ ขึ้นโชว์ ซาวนด์ตกลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตัวดนตรีฟังบาง การสลับสับเปลี่ยนศิลปินก็มีช่วงว่าง ไม่ได้ต่อเนื่องกันอย่างที่ควรจะเป็น จนมาถึงการแสดงของวงสกายพาสส์ ถึงกลับมาเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะมาสับสนวุ่นวายกันอีกรอบ ก็ตอนที่น้าแหลม มอร์ริสัน กับพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ขึ้นมาเป็นแขกรับเชิญในเพลงลูกหิน ที่กีตาร์อะคูสติคของน้าดูเหมือนจะไม่ทำงานได้อย่างที่ควรจะทำได้ แต่ก็เป็นเพียงแค่เพลงเดียว เพราะต่อมาในเพลงลูกแก้ว สถานการณ์ก็ดีขึ้น

การเอนเตอร์เทนผู้ชม พูดจารับส่งบนเวที กับรุ่นใหญ่ด้วยกัน ไม่มีปัญหาอะไรสักเท่าไหร่ แต่กับรุ่นเด็ก เห็นได้ชัดว่า เคมี หรือจังหวะการสนทนานั้นยังไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงของริชแมน ทอย และปรีชา ชนะภัย ที่การสนทนาทิ้งช่วงเป็น ‘เดด แอร์’ (Dead Air) เป็นระยะๆ จะทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดีนัก

ตัวแขกรับเชิญเอง หากไม่นับศิลปินรุ่นเด็กๆ ที่ออกมาโชว์คั่นกันสี่ราย รายละเพลง ในแบบที่มองข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นจากเรื่องของโปรดัคชันไป บรรดารุ่นใหญ่ทั้งหลาย ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะเสก โลโซ ที่เฟิร์มเอามากๆ เสียงร้องพุ่ง และเต็มพลัง โดยเพลงที่เลือกมาร้องก็ต้องบอกว่า ‘ใช่’ กับทางดนตรีที่เจ้าตัวเล่น ทั้งซาอุดร และฉานสเตท แถมเพลงหลัง ไม่ใช่เพลงฮิตอะไรมากมายของคาราบาว (จริงๆ ถ้าจำไม่ผิดเพลงนี้จะอยู่ในงานเดี่ยวของยืนยง โอภากุล) ก็เล่นเอาเซอร์ไพรส์เหมือนกัน นอกจากแสดงให้เห็นว่าตัวเองเตรียมตัวปึ๊กแค่ไหนกับงานนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า พร้อมขนาดไหนกับการจะขึ้นเวทีใหญ่ 20 ปีโลโซ ที่จะมีในอนาคตอีกด้วย

งานนี้ ไม่ได้ขายงานเพลง การเล่นดนตรี โปรดัคชัน ที่ต่างก็ขายได้เพียงเท่านั้น ยังแถมความเก๋าในการทำงานของคนที่อยู่บนเวที เมื่อยืนยง โอภากุล ตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโชว์ ด้วยการพูดกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลลำโพงมอนิเตอร์บนเวที กันสดๆ ตรงนั้น เพราะจำนวนผู้ชมที่มหาศาล ทำให้เสียงร้องตาม หรือโห่ร้องกลบเสียงจากมอนิเตอร์ที่นักดนตรีบนเวทีใช้ฟังจนหมด ทำให้ต้องคลำคีย์ร้องจังหวะจะโคนกันด้วยความคุ้นเคย มากกว่าจะเป็นไปตามเสียงจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การร้องในช่วงต้นๆ คอนเสิร์ต เหมือนดึงๆ กว่าที่เคยได้ยินตามปกติ

ในแง่ความบันเทิงสำหรับแฟนเพลงโดยทั่วไป คอนเสิร์ต 35 ปีคาราบาว ถือว่าให้ความสนุกได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีขาดนิด เกินหน่อยอยู่บ้าง หากอย่างน้อยทั้งวงและผู้จัดงาน ก็ตั้งใจ และเตรียมการสิ่งต่างๆ สำหรับคอนเสิร์ตนี้กันเป็นอย่างดี และเชื่อว่าน่าจะทำได้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อๆ ไป

จากเรื่อง ย้อนดูความสนุกวันคอนเสิร์ตคาราบาว 35 ปี คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 15 กันยายน 2559

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่