ไปเริงระบำกับหมัดมวย กับ องค์บาก ไลฟ์ ความลงตัวของศิลปะการต่อสู้และละครเวที

เห็นตึกใหญ่ๆ ชื่อ โชว์ดีซี ที่ดูแล้วน่าจะเป็นศูนย์การค้าเปิดใหม่อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ตั้งตระหง่านอยู่แถวๆ อาร์ซีเอ, มักกะสัน มานานก็ไม่ได้มีโอกาสแวะเวียน จนได้หมายเชิญให้ไปชมการแสดงที่ชื่อว่า ‘องค์บาก ไลฟ์’ จากทางเฟรช แอร์ เฟสติวัล และสหมงคลฟิล์ม ก็เลยได้รู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า แต่มีโรงละครที่ชื่อ อุลตรา อารีนา อยู่ข้างในด้วย

โดยตัว องค์บาก ไลฟ์ จากข้อมูลที่แนบมาพร้อมกับหมายเชิญ นี่คือการแสดงที่เป็นการจับมือกันระหว่างวินิจ เลิศรัตนชัย, ถกลเกียรติ วีรวรรณ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว และทีมสตันท์ที่ทำงานเบื้องหลังให้หนังไทยหลายต่อหลายเรื่อง แค่ชื่อของทีมงาน ก็คงต้องบอกว่าเป็น ดรีมทีม ในวงการบันเทิงบ้านเราเลยทีเดียว

สำหรับการแสดง ก็จะเอาเรื่องราวของหนัง องค์บาก ที่หลายๆ คนรู้จักกันดี มาดัดแปลงเป็นการแสดงในแบบเล่นสด เล่นจริง เทคเดียว ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะคอนเส็ปท์ที่ว่านี่ก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวหนังที่เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ต้องใช้สแตนด์อิน จนกลายเป็นที่ฮือฮาในยุคนั้น ตัวเรื่องก็น่าสนใจมีเสน่ห์จนกลายเป็นหนังฮิตทำเงินมหาศาล ซึ่งก็น่าสงสัยเหมือนกันว่า พอมากลายเป็นการแสดงบนเวทีแล้ว องค์บาก โชว์ จะออกมาหน้าตาเป็นยังไง ทั้งตัวเรื่อง และฉากแอ็คชันต่างๆ

เมื่อได้ชมก็สรุปได้เลยว่า นี่คือการแสดงศิลปะการต่อสู้ที่นำเสนอออกมาในรูปแบบเดียวกับละครเวที ที่เรื่องราวนั้นดัดแปลงมาจากหนังองค์บากภาคแรกนั่นเอง

แล้วด้วยการแสดงที่ไม่มีบทพูดให้มากความ เน้นการแสดงออกด้วยลีลาท่าทาง มีดนตรีจากฝีมือของพงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา มาช่วยในเรื่องการสร้างอารมณ์ ที่บางครั้งนักแสดงจะต้องกระโดดโลดเต้น วางท่วงท่าเข้ากับจังหวะดนตรี หรือบางทีดนตรีก็มาเสริมความตื่นเต้นให้กับการแสดง หากจะมองว่า องค์บาก ไลฟ์ ก็คือ บัลเลท์ที่เป็นศิลปะการต่อสู้ หรือการเต้นรำด้วยท่าทางการต่อสู้ ก็คงได้ เพราะกับการโลดโผนโจนทะยานบนเวทีของนักแสดงแต่ละคน ที่กลมกลืนไปกับดนตรี บ้างก็เป็นจังหวะ บ้างก็เป็นอารมณ์ ทำให้ตัวเรื่อง หรือการแสดงมีมิติมากขึ้น

เมื่อรวมเข้ากับการที่ไม่มีบทพูด หรือบทสนทนาเลย องค์บาก โชว์ คือการแสดงที่ข้ามพ้นเรื่องกำแพงภาษาไปเรียบร้อย และน่าจะเข้าถึงผู้ชมได้ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา เมื่อปัญหาในเรื่องของการสื่อสารด้วยภาษาถูกพังทลายไปแล้ว

การต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ถูกนำเสนอมาให้ได้ชมบนเวที ก็มีทั้งความสวยงาม ดุดัน เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดูจริงจัง เข้มข้น ในแบบที่เสียวๆ ว่าจะผิดคิวจนหัวร้างข้างแตกกันไป เพราะหากพลาดขึ้นมา ถึงขั้นเจ็บหนักทันที แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมงานที่ได้ กฤษณะ รอดพันนา ทายาทของ พันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์ผู้กำกับคิวบู๊อันดับหนึ่งของบ้านเรา ที่ดูและคิวบู๊ของหนัง องค์บาก ที่จากไปแล้ว มารับหน้าที่ออกแบบและกำกับการต่อสู้ พร้อมและแม่นขนาดไหน ขณะที่ในส่วนควบคุมการผลิต การกำกับเวทีและการแสดงเป็นฝีมือทีมของถกลเกียรติ วีรวรรณ จากรัชดาลัยเธียเตอร์

ไม่น่าแปลกใจที่นอกจากฉากแอ็คชันจะตื่นเต้น ตื่นตาแล้ว เรื่องราวการนำเสนอบนเวทีก็ดูกระชับ รวดเร็ว เข้าใจง่าย ในแบบที่เป็น ความลงตัวของศิลปะการต่อสู้และละครเวที ที่ถือเป็นมิติใหม่ของการแสดงในบ้านเรา เพราะนี่ไม่ใช่แค่โชว์แสดงการต่อสู้ หรือศิลปะแม่ไม้มวยไทย แต่ทุกอย่างถูกนำมาร้อยเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างสนุก มีอารมณ์ขัน แทรกแซมเป็นระยะได้อย่างลงตัว

ใครที่สนใจชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ และจองบัตรเข้าชมที่เปิดแสดงให้ได้ดูกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปได้ที่ www.ultratiger.co.th

จากเรื่อง ไปเริงระบำกับหมัดมวย กับ องค์บาก ไลฟ์ ความลงตัวของศิลปะการต่อสู้และละครเวที คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่