ช่วงสิ้นเดือนเมษายน (ที่ไม่ได้ร้อนเหมือนที่เคย) ต่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นอีกช่วงเวลาดีๆ ของแฟนเพลงสากลและนักนิยมคอนเสิร์ททั้งหลาย เพราะบรูโน มาร์ส (Bruno Mars) และ เจค บักก์ (Jake Bugg) เดินทางมาเปิดการแสดงให้ได้ชมแบบติดๆ กันวันชนวันกันเลยทีเดียว
มาร์สศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี มาเล่นในบ้านเราเป็นหนที่สองแล้ว และด้วยความสำเร็จจากผลงานเพลง การแสดงที่สนุกสนาน ทำให้โชว์นี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของ 24K Magic Tour ที่วางเอาไว้ในวันที่ 30 เมษายน ที่อิมแพ็คท์ อารีนา บัตรหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องเปิดรอบที่สองในวันถัดมา ส่วนเจค บักก์หนุ่มวัย 24 จากเกาะอังกฤษที่ทำเพลงได้โคตรอเมริกัน เลือกสถานที่เล็กๆ ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า เพื่อสนุกกับผู้ชมในวันที่ 1 พฤษภาฯ ซึ่งตรงกับรอบที่สองของมาร์สพอดิบพอดี
เป็นโชคดีที่ได้บัตรชมคอนเสิร์ทของทั้งสองศิลปิน จากคนใกล้ชิดสำหรับคอนเสิร์ทแรก และจากผู้ใหญ่ที่นับถือในคอนเสิร์ทหลัง เลยได้สัมผัสการแสดงที่แตกต่างกันในเรื่องการนำเสนอของทั้งสองศิลปิน โดยมาร์สมาพร้อมการแสดงในแบบป็อป โชว์ แสง-สี-เสียง จัดเต็ม แถมด้วยพลุไฟที่ส่งเสียงโป้งป้างอยู่บ่อยครั้ง จนเผลอคิดไปว่า อยู่ในงานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย เพราะยิงถี่ซะเหลือเกิน ขนาดโชว์ของวงร็อคที่นิยมของแบบนี้อย่าง Guns N’ Roses ยังจัดหนักไม่เท่า
การออกแบบแผงไฟ การใช้จอแอลอีดี ทำออกมาสวย แปลกตา เพิ่มความแพงให้โชว์ได้เยอะ และไม่ใช่แพงแบบไร้สาระ เพราะเสริมสีสันให้แต่ละเพลงได้ดี เซ็ทเพลงก็ไล่เรียงอารมณ์ได้เยี่ยม เปิดมาแบบให้ผู้ชมสนุกอย่างเต็มที่กันก่อน แล้วก็มีผ่อนเป็นระยะ โดยจำนวนและการเรียงเพลงไม่ได้ต่างไปจากโชว์ในที่อื่นๆ ก่อนมาถึงบ้านเรา ว่ากันที่ 15 เพลงเปิดด้วย Finesse แล้วก็ปิดท้ายด้วย Uptown Funk ส่วนมาร์สก็มีลูกเล่นเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้ชมตลอด ทั้งทักทาย ทั้งร้องบางท่อนของเพลงเป็นภาษาไทย ตลอดจนออกลีลาท่าเต้น ไปสนุกกับผู้ชมทั้งสองข้างของเวทีเป็นระยะ
นี่คือโชว์แบบฮอลลีวูด ฉูดฉาด ตัวดนตรีเล่นกันได้เหนียว อาจจะมีที่ติก็เรื่องระบบเสียง เพราะจากตำแหน่งที่นั่งชม เสียงร้องจมไปกับเสียงดนตรีในหลายครั้ง เสียงพูดก็ก้องๆ จนฟังไม่รู้เรื่อง
แต่ส่วนใหญ่คือ “ดี” หากก็มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกไม่เต็มที่ ก็คือเรื่องของอารมณ์ ที่แม้จะสนุกแต่ทุกอย่างก็ดูเนี้ยบ เป๊ะ เป็นโชว์ที่สัมผัสได้ถึงความแม่นตามสคริปท์ ที่ต่อให้เล่นอีกสิบรอบ เรื่องของตำแหน่งการยืน ท่าเต้น การพูดจาปราศรัยกับผู้ชมก็เชื่อว่า ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปจากนี้ จนแม้จะให้เต็มได้ในแง่ของความบันเทิง หากในเรื่องของการพาคนดูดิ่งจมไปกับเพลงหรือโชว์ หรือความตื่นตา อย่างน้อยๆ เราก็ไม่ใช่คนหนึ่งที่รู้สึกถึงอะไรแบบนี้
กับโชว์แบบข้ามาคนเดียวของเจค บักก์กับกีตาร์ตัวเดียว ในสถานที่อย่างโรงหนังสกาล่า ที่จุคนได้ราวๆ 800 คน ที่หากบัตรขายไม่หมดก็คงไม่น่าเหลือเกินสิบใบ เด็กหนุ่มคนนี้ให้การแสดงที่ดูเป็นกันเอง อบอุ่น เป็นการสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมที่แตกต่างออกไป และด้วยโปรดัคชันที่ไม่ได้อลังการมากมาย แสงสีอาจจะช่วยสร้างอารมณ์ในบางเพลงได้บ้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับเสียงร้องและการเล่นกีตาร์ของบักก์ ที่ค่อยๆ เผยความจัดจ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ไปตามจำนวนเพลง ที่ขนมาเล่นถึง 24 เพลง สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งไปจากโชว์ก่อนๆ หน้า มีเพลงอย่าง Indigo Blue ที่ไม่เคยเล่นที่อื่นงอกเพิ่มเข้ามาอีกต่างหาก ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ เช่นเดียวกับเรื่องระบบเสียง เพราะจากที่ได้ยิน คุณภาพเสียงในโรงสกาล่าถือว่าไม่ขี้เหร่เลย ส่วนฝีไม้ลายมือของบักก์ ก็ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเด็กหนุ่มอายุยังไม่พ้นเบญจเพสอย่างเขา ถึงได้มีโอกาสเล่นในฮอลล์อย่างโรยัล อัลเบิร์ท และมีอัลบัมที่ได้รับความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ไอ้หนุ่มคนนี้โตเกินอายุเหลือเกิน
ถือเป็นความโชคดีจริงๆ ที่ได้สัมผัสการแสดงสดของทั้งคู่ที่แตกต่างก็ไม่น้อยเลย ซึ่งแน่นอนว่า ก็ให้รสชาติที่แตกต่างเช่นกัน งานหนึ่งหรูหราฟู่ฟ่า อีกงานโคตรมินิมอล แต่ก็ให้ความสุขเรื่องความบันเทิงได้ตามความชอบพอของผู้ชม ขอเพียงแค่ว่า อย่าเลือกอะไรที่แตกต่างไปจากรสนิยมของตัวเองจนเกินไป เท่านั้นเอง…
(หมายเหตุ: ภาพจากการแสดงในคอนเสิร์ทอื่นๆ)
โดย นพปฎล พลศิลป์ จากเรื่อง การแสดงสดบนความแตกต่างจากบรูโน มาร์ส ถึงเจค บักก์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 3 พฤษภาคม 2561
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่