By Sadaos
จากวงดนตรีวงเล็กๆ เมื่อหลายปีก่อน ในที่สุดคาราบาวก็เดินทางผ่านกาลเวลา ผ่านเหตุการณ์มากมายจนอายุเข้าเบญจเพส เป็นหนุ่มฉกรรจ์วัย 25 ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับวงการเพลงไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ที่วงดนตรีสักวงหนึ่ง จะทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานขนาดนี้
และน่าจะเป็นด้วยความบังเดิญมากกว่า กับการที่อัลบั้มล่าสุดของ คาราบาว ก็คืออัลบั้มหมายเลขที่ 25 เท่ากับอายุอานามของวงพอดิบพอดี ขณะที่ชื่ออัลบั้ม “ลูกลุงขี้เมา” นั้นก็เป็นความตั้งใจของนายวง ยืนยง โอภากุล ที่ทำให้ย้อนระลึกไปถึง ลุงขี้เมา เพลงฮิต เพลงแรกของพวกเขา จากอัลบั้มชุดแรก “ขี้เมา” ที่ถูกวันนี้ยังคงถูก ร้อง เล่น เช่นเดียวกับที่ยังคงเห็นลุงขี้เมารุ่นแล้วรุ่นเล่าในสังคมไทย
ดูเหมือนว่า เวลาผ่านไปขนาดไหน เรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดในสังคมไทยในวันนี้ ก็ยังคงเป็นเรื่องเดียว เหตุเก่ากับที่เกิดขึ้นเมื่อย้อนหลังไปได้หลายสิบปียังไงยังไง คนบ้านนอก ที่เดินทางเข้ามาในเมืองกรุง เคยถูกมองเหยียดยังไง เปลี่ยนมาเป็นรุ่นลูกที่เติบใหญ่ ก็ไม่ต่างกัน นั่นคือสารที่ส่งออกมาในเพลง ลูกลุงขี้เมา หรือเรื่องของสาวดอยที่ถูกคนเมืองหลอก ใน สาวดอย 4X4 ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกลบหาย แม้เทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน
ยืนยง โอภากุล ยังคงถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาด้วยภาษาง่ายๆ ที่ไม่ยากสำหรับการสื่อสารกับคนในวงกว้าง หากก็คมคายในแง่ของการใช้ภาษา อย่าง พระยอม เพลงที่บอกกล่าวถึงเรื่องราวการถูกเอารัดเอาเปรียบโดยระบบราชการไทย ที่เปรียบเปรย สร้างสรรค์ตัวละครออกมาได้อย่างสนุก และน่าสนใจ
แต่ในขณะเดียวกัน กับภาษาง่ายๆ ท่วงทำนองที่ติดหูง่าย ซึ่งเป็นเสน่ห์ในสไตล์ของคาราบาวมาโดยตลอด ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพลงของคาราบาวฟังดูสุขุมมากขึ้น ดนตรีนุ่มนวลกว่าวันวาน แม้จะมีเพลงในทางถนัดอย่าง จตุคามลามทุ่ง หรือว่า แจกแดกแหลก, ขุนพันธ์สะท้านแผ่นดิน แต่มากกว่าครึ่ง คืองานเพลงในอารมณ์ที่ละมุมกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เสียงร้องของยืนยงให้ความรู้สึกที่ “ลึก” กว่าที่เคยเป็น ในเรื่องของอารมณ์ อย่างที่ได้ยินใน ตอบหนูที เพลงจากการประพันธ์ของ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ ที่ตั้งคำถามถึงเรื่องราวที่เกิดในภาคใต้ โดยใช้มุมมองความคิดของเด็กๆ ได้อย่างเยี่ยมยอด
เมื่อรวมกับเสียงร้องของยืนยง และดนตรีที่เรียบง่าย เพลงนี้ก็น่าจะกรีดเข้าไปในความรู้สึกของใครหลายๆ คน
นอกจากเพลงที่เป็นลายมือของยืนยง ใน “ลูกลุงขี้เมา” ยังมีเพลงจากปากกาของเพื่อนพ้องน้องพี่ และคนสำคัญในบ้านเมืองอีกหลายเพลง ที่มาช่วยเติมเต็มอัลบั้มชุดนี้ ที่เปรียบเสมือนผู้คนที่คาราบาวได้พบ และคบหาในระหว่างการเดินทางกว่า 2 ทศวรรษ และฝากผ่านเรื่องราวของพวกเขาให้คาราบาวมาเล่าต่อ แม้บางเพลงอาจจะไม่ใช่สไตล์ภาษา หรือว่าเพลงในแบบคาราบาว แต่ก็ทำให้อัลบั้มชุดนี้มีเรื่องราว มีมุมที่กว้างมากขึ้น
รวมทั้งเป็นสีสันที่ทำให้ “ลูกลุงขี้เมา” มีความหลากหลาย แม้จะไม่ใช่สีที่จัดจ้าน หวือหวานัก
ขณะเดียวกัน กับความยาวของอัลบั้ม ที่เป็นอัลบั้มคู่ มีเพลงให้ฟังกันยาวเหยียดถึง 18 เพลง ก็ต้องยอมรับกันว่า “ลูกลุงขี้เมา” ไม่ใช่อัลบั้มที่ลงตัว หรือฟังเนียน อัลบั้มมีช่วงอืด เนือยรวมทั้งมีเพลงที่เรื่องซ้ำ จนทำให้ภาพรวมของอัลบั้มไม่กระชับ หรือว่าบางช่วงก็ชวนสะดุดอารมณ์บ้างกับความต่อเนื่องในเรื่องทางดนตรี
แต่อย่างน้อยที่สุด อัลบั้มชุดนี้ก็ยังฟังได้ลื่น และเผยชั้นการทำงานของวงดนตรีวงหนึ่ง ที่อายุยืนยาวถึง 25 ปี ไม่ว่าจะเป็น วิถีคิด มุมมอง ตลอดจนการเล่าเรื่อง ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวลล้วนแสดงให้เห็นว่า วันนี้คาราบาวยังไม่อ่อนล้า แต่มองโลกด้วยสายตาที่สุขุม มีประสบการณ์ และชั้นเชิงมากกว่าที่เคยเป็น
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง คาราบาว 25 ปี “ลูกลุงขี้เมา” เมื่อคาราบาว เข้าเบญจเพส คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2550
[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]
What is your reaction?
