
หลังเปิดตัวด้วย Iron Man ที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเมื่อปี 2008 ในที่สุดเรื่องราวที่ได้ชื่อว่า เป็นบทหนึ่งในจักรวาลซูเปอร์ฮีโรอันแสนยิ่งใหญ่ของมาร์เวล สตูดิโอส์ค่ายภาพยนตร์ที่เติบโตมาจากการทำหนังสือการ์ตูนหรือนิยายภาพ ก็เดินทางมาถึงภาพยนตร์เรื่องสำคัญ Avengers: Endgame ที่ว่ากันว่าเป็นบทสรุปเรื่องราวในยุคแรกของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ซึ่งเริ่มต้นกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และขยับขยายกลายเป็นจักรวาลอันใหญ่โตมโหฬารมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเควิน ฮาร์ลีย์ แห่งนิตยสาร Total Film วิเคราะห์ถึงอิทธิพลของจักรวาลภาพยนตร์แห่งนี้ ที่ยังสานต่อและวิวัฒนาการออกไปได้เรื่อยๆ เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
โดยในปีที่ผ่านมา หากมองดูบรรดาหนังทำเงินทั้งหลาย จะเห็นได้ถึงผลกระทบที่จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลสร้างขึ้น ตั้งแต่หนังไดโนเสาร์ ไปจนถึงหนังของหนุ่มใต้ทะเลลึกและเดดพูล เมื่อทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นหนังภาคต่อและหนังซูเปอร์ฮีโร กระทั่งหนังนอกเหนือจากสองกลุ่มที่ว่า อย่าง Bohemian Rhapsody ก็ยังเป็นหนังขยายการรับรู้ทางวัฒนธรรมเฉพาะแบบสุดโต่ง ส่วนที่เป็นงานเดี่ยวๆ อย่าง Ready Player One ก็มีเป้าหมายที่ผู้ชมเฉพาะทางเช่นกัน
ในทางหนึ่ง จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลได้ช่วยสร้างความสำคัญกับเนื้อหาและชื่อเรื่อง ให้อยู่เหนือผู้กำกับและนักแสดงดังๆ แน่นอนว่าพวกเขามีนักแสดงชื่อดัง แต่หลายๆ ครั้งมันก็ไม่ต่างไปจากการวางเดิมพันในวงพนัน การใช้บริการของโรเบิร์ท ดาวนีย์ จูเนียร์ในตอนนั้น ถือเป็นความเสี่ยง กับคริส แพรทท์ และเดฟ บัวติสตา ก็เหมือนๆ กันในทางหนึ่ง ส่วนบรรดาซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่ออยู่แล้ว ก็ยังคงเป็นดาราทำเงินอย่างที่เคยเป็น เช่นที่ทอม ครูซแสดงให้เห็นใน Mission: Impossible – Fallout หากอาจจะมีข้อยกเว้นก็อย่าง The Mummy ที่แป้กสนิท
มองให้ลึกลงไป จะเห็นว่าจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล กลายเป็นอิทธิพลที่ก่อให้เกิดความพยายามแบบง่ายๆ ของสตูดิโออื่นๆ ที่พยายามเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลสัตว์ประหลาด (The MonsterVerse) ของก็อดซิลลาและคอง, จักรวาลผีๆ ของ The Conjuring ซึ่งต่างอยู่ในกลุ่มที่การขยับขยายเป็นจักรวาลทำได้ดีและไปได้สวย ขณะที่จักรวาลมืด (Dark Universe) ของยูนิเวอร์แซล กระทั่งจักรวาลภาพยนตร์ดีซีที่แผ่ออกไปกลับอ่านเกมของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลผิดพลาด
เพราะความโดดเด่นอย่างชัดเจนที่แสดงออกมา สำหรับอิทธิพลจากจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่มองเห็นกันก็คือ พวกเขาทำภาพยนตร์ให้ออกมา ‘เยี่ยม’ ที่สุด เอาแค่ Black Panther และ Infinity War ที่สร้างกระแสของวัฒนธรรมป็อป ได้จากการเลือกผู้กำกับเจ๋งๆ มารับงาน, การคัดเลือกนักแสดงได้อย่างชาญฉลาด, การบ่มตัวละครได้เป็นอย่างดี, การสร้างจักรวาลแบบไม่ทำให้รู้สึกหรือมองเห็นแบบโจ่งแจ้ง และตัวหนังมีความยืดหยุ่นที่สามารถจะกระโดดไปอยู่ในแนวทางใดของภาพยนตร์ก็ได้ ซึ่งเป็นกลยุทธที่ชาญฉลาดแต่มักถูกนำไปเลียนแบบโดยมองเพียงมิติเดียวอย่างลวกๆ อยู่บ่อยๆ
ขณะที่บรรดานักวิจารณ์ต่างตำหนิว่า จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเป็นงานแบบสูตรสำเร็จ แต่ในอีกมุมหนึ่งจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลก็สามารถขยับขยายขอบเขตการเป็นหนังจากนิยายภาพออกไปได้อีก เช่นที่ Deadpool กับ Logan หนังมาร์เวลในชายคาของฟ็อกซ์แสดงให้เห็น โดยหนังทั้งสองเรื่องนี้ก็ไม่ต่างไปจากงานที่ทำลายแนวทางเดิมๆ ของตัวเองลงไป แต่ก็สามารถยกย่องหลักการทั่วๆ ไปของมาร์เวลได้เป็นอย่างดีในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าสังเกตดูจะพบว่า จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลมีการปรับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลวิธีที่ชาญฉลาด หลังจากช่วงเวลาเดิมพันกับผู้กำกับที่มีตัวตนแข็งแรง เช่น เอ็ดการ์ ไรท์ ใน Ant-Man แล้วล้มเหลว พวกเขาได้ไทกา ไวตีตีและไรอัน คูกเลอร์ ผู้นำบุคลิกภาพส่วนตัวมาใส่ใน Thor: Ragnarok และ Black Panther ตามลำดับ ระหว่างนั้นยังมีพี่น้องรุสโซที่มาดูแลงานซึ่งกลายเป็นสถาปัตยกรรมชั้นยอด อย่าง Captain America: Civil War, Avengers: Infinity War, มีผู้กำกับจากโลกของหนังอินดี แอนนา โบเดนกับไรอัน เฟล็ค ที่ทำ Captain Marvel และมีจอน วัทท์ส มากำกับหนังไอ้แมงมุม ซึ่งทุกคนล้วนทำให้รากฐานจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ยังคงมีความสด และชาญฉลาดอย่างที่เคยเป็น
ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ยุคใหม่ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จะแนะนำและสร้างอิทธิพลของตัวเองให้โลกรับรู้ เมื่องานหวังสร้างจักรวาลภาพยนตร์ไอ้แมงมุม ที่เนื้อหาอัดแน่นของมาร์ค เว็บบ์คว่ำไม่เป็นท่า วัทท์สจัดการตอกตะปูปิดฝาโลงหนังสองเรื่องที่ว่า ด้วยหนังไอ้แมงมุมที่เด็กกว่าและจี๊ดจ๊าดกว่า แล้วกับข่าวคราวที่ว่า หลังหนังมนุษย์ค้างคาวของเบน อัฟเฟล็คนิ่งสนิท ก็มีรายงานว่าดีซีพยายามจะสร้างหนังมนุษย์ค้างคาวที่เด็กกว่าออกมา มองเห็นอะไรบางอย่างไหม? โดยที่ยังไม่ต้องไปมองว่า เป็นวิธีการที่ฉลาด หรือว่าตัดสินใจด้วยความมั่นใจหรือเปล่า
การตัดสินใจของดีซีที่นำบรรดาซูเปอร์ฮีโรเกรดรองๆ มาทำหนังนำเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น Aquaman หรือ Shazam! ล้วนเป็นหนี้กลยุทธของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล มากกว่าความพยายามที่จะเร่งสร้างจักรวาลให้กับดีซีของแซ็ค สไนเดอร์ รวมไปถึงการได้ตัวผู้กำกับมาทำหนัง Suicide Squad เรื่องใหม่ ชื่อเจมส์ กันน์ ซึ่งงานนี้ดีซีต้องขอบคุณมาร์เวลเลยด้วยซ้ำ
หันไปมองยูนิเวอร์แซล ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าไปกับหนังตัวประหลาดนำเดี่ยวขายผู้กำกับ ซึ่งดูเกาะติดกับการสร้างจุดขายแบบหลากหลายแนวทางที่หนังในจักรวาลมาร์เวลเป็น มากกว่าจะเป็นหนังขายดารานำและเน้นการเชื่อมต่อกันเช่นที่หนังในจักรวาลมืืดเป็น ส่วน Bumblebee ก็คือหนังที่ขายตัวละคร, มีแนวทางชัดเจน และมีสัมผัสเบาๆ กับหนังเรื่องอื่นๆ ในชุด และมาพร้อมกับความสด ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังแต่ละเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเป็น
ท้ายที่สุด บรรดาหนังทุนสูงหวังรายได้มหาศาล ที่เรียกกันว่าหนังบล็อคบัสเตอร์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลที่ใหญ่โตกว่าเดิมด้วยจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล แต่อิทธิพลที่ส่งต่อไปยังสตูดิโออื่นๆ บางทีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องประเดี๋ยวประด๋าว เมื่อต่างก็ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยองค์ประกอบ และศักยภาพในแบบที่มาร์เวล สตูดิโอส์มี
จากนี้ ก็ต้องมาดูกันว่า มีจักรวาลภาพยนตร์ของใครบ้าง ที่จะอยู่รอด และใครบ้างที่จะจอดสนิท เหมือนอีกหลายๆ จักรวาลที่จบตั้งแต่เริ่มเกิดบิก แบง
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ความสำเร็จที่ยากจะเลียนแบบ แต่ใครๆ ก็อยากทำตาม คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 22 เมษายน 2562