
2538 อัลเทอร์มาจีบ: การทำหนังเพื่อบ่งบอกหรือเป็นหมายเหตุของยุคสมัย ไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งเปิดหน้ากันมาเต็มๆ กันตั้งแต่ชื่อด้วยแล้ว ในแง่การตลาด ถือว่าทำให้หนังมีความชัดเจนในตัว และในเวลาเดียวกันก็ทำให้หนังมีโจทย์หลักที่ต้องแก้ให้ได้ไปด้วยพร้อมๆ กัน
ซึ่งจากที่เห็น หนังยังไปไม่ถึงในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ (หากดูจากชื่อ และการโปรโมท) โดยเฉพาะในเรื่องของบรรยากาศ และอารมณ์ของหนัง ที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นงานถวิลหาอดีตถึงยุคสมัยนั้นจริงๆ แม้จะมีเพลง หรือศิลปินจากยุคนั้นๆ มาปรากฏในเรื่อง แต่ก็ดูเหมือนจะขาดความหลากหลาย มีข้าวของเครื่องใช้ปรากฏให้เห็น แต่ก็ดูจงใจ มีหลุดบ้าง และยังคงดูขาดๆ โดยเฉพาะเรื่องวิถีชีวิต ที่หนังไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือชัดเจนแบบที่ แฟนฉัน ทำให้รู้สึกถึงวัยเด็กในยุค 80, เก๋า เก๋า พายุคสมัยของสตริงคอมโบกลับมา
ขณะที่การแสดงยกเว้นใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ที่เล่นได้เฮี้ยวผิดตา คนอื่นๆ ดูเหมือนจะต้องทำการบ้านในเรื่องของการใช้เสียงให้ได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะแดนอรุณ รามณรงค์ ที่การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางได้หมด แต่ “เสียง” ยังขาดหรือเกินในหลายๆ ครั้ง
ที่น่าประหลาดใจก็คือ หนังกลับไปได้ดีในเรื่องของการเป็นหนังโรแมนติคย้อนเวลา รวมไปถึงหนังที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่แม้จะเห็นได้ชัดว่า ได้รับอิทธิพลมาจากหนัง Back to the Future แต่ก็นำมาปรับใช้จนกลายเป็นตัวเองได้อย่างไม่เคอะเขิน แม้ในเรื่องความหนักแน่นอาจจะย่อหย่อนไปบ้าง รวมไปถึงการเดินทางครั้งสุดท้ายของตัวละครที่ดูไม่เคลียร์ แต่กับความเป็นงานเบาๆ แบบหนังคอมมิดี ก็ทำให้อยู่ในระดับที่รับได้ โดยเฉพาะการวางและเล่นกับความสัมพันธ์ของตัวละครที่เข้าถึงคนดูได้ดี ทั้งในมุมของความรักที่ทาบซ้อนกันระหว่างตั้ม-แนน-ส้ม และ ก้อง และความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก ที่การเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ทำให้บางคนได้เข้าใจ และรับรู้อะไรบางอย่างมากขึ้น
ซึ่งงานในส่วนนี้นี่เอง ที่ทำให้เดินออกจากโรงได้ด้วยความรู้สึกดีๆ และประทับใจ ได้มากกว่าความเป็นงานในแบบถวิลหาอดีต ที่ทำให้นึกถึงยุคอัลเทอร์เนถีฟด้วยซ้ำไป
ป.ล. จริงๆ แล้วหนังน่าจะชื่อ อัลเทอร์ถูกจีบ มากกว่านะ
โดย นพปฎล พลศิลป์
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่