Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว: TAKE 1: สารคดีชุด เรื่องเล่าถึง ครั้งเดียว เพลงเดียว หนสุดท้ายในชีวิต ที่สนุกไม่แพ้งานดรามาชั้นดี

“ถ้าได้ขึ้นแสดงอีกแค่เวทีเดียวก่อนตาย” และแค่ “เพลงเดียว ครั้งเดียว”
“คุณจะสร้างการแสดงครั้งนี้ขึ้นมายังไง?”

โจทย์ที่ตั้งมาง่าย ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ ตอบได้ยาก และยากยิ่งกว่า หากจะให้ทำขึ้นมาจริง ๆ แล้วยังมีการกำหนดเงื่อไขเรื่องของกรอบเวลาซ้ำ เพราะฉะนั้นจะคิดแบบเพ้อ ๆ ฝัน ๆ ไปเรื่อย ๆ พร้อมเมื่อไรถึงลงมือทำก็ไม่ได้

และ Take 1 งานสารคดีชุดขนาด 7 ตอนจบของเน็ตฟลิกซ์ ก็จะนำเอากระบวนการสร้างการแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย ของศิลปินเกาหลีทั้งหมด 7 รายมาให้ชมกัน โดยนำเสนอกันตอนละ 1 คน 1 โชว์ ถึงจะไม่ใช่การแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย จริง ๆ เป็นเพียงการ “สมมติ” หรืออาจจะบอกว่าเป็น “การแสร้งทำ” ก็ยังได้ แต่ด้วยโจทย์ที่วางเอาไว้ และชื่อเสียงเรียงนามของศิลปินแต่ละราย พวกเขาไม่ได้รับงานนี้ โจทย์นี้แบบแค่เอาสนุก ๆ หากเล่นไปกับโจทย์ที่ตั้งขึ้นมาอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้แฟน ๆ และคนที่ไม่ใช่แฟนของพวกเขาหรือเธอ ได้เห็นตัวตนของแต่ละคน ได้มองเห็นถึงศักยภาพของแต่ละราย รวมถึงได้สัมผัสกับ “ปม” ที่อยู่ในใจของแต่ละชีวิต ตลอดจนมุมมองที่ทุกคนมีต่อสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว และสิ่งต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อแต่ละศิลปิน

ซึ่งทุกคนแสดงออกมาผ่าน เพลงที่คัด, สถานที่ในการแสดง, รูปแบบของการแสดง, ผู้ชมที่ถูกเลือก รวมไปถึงทีมงานที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย ที่จะเล่นกันเพียงครั้งเดียว ที่ไม่ว่าจะเป็นศิลปินกลุ่ม, ศิลปินเดี่ยว, ศิลปินรุ่นใหญ่, ศิลปินระดับอินเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินในแนวเพลงแบบไหน คลาสิคัล, บัลลาด ร็อค, สแตนดาร์ด พ็อป, เค-พ็อป ต่างก็ตั้งใจรีดความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด และที่สำคัญการแสดงไม่ว่าจะเป็นของใคร ต่างก็มีจุดมุ่งหมายบางอย่างชัดเจน เพื่อทำให้การแสดงครั้งนี้ ที่ถูกวางเป็นครั้งสุดท้ายมี “ความหมาย”

จนแต่ละตอนของ Take 1 กลายเป็นงานที่มีอารมณ์ ความรู้สึก และบางตอนก็อาจจะทำให้น้ำตาซึมหรือเอ่อคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

จากซูมีโจ นักร้องเพลงคลาสสิคัลหญิงของเกาหลีที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก ในตอนแรก ไปจนถึงเกิร์ลกรูป มามามูในตอนสุดท้าย ทุกคนต่างเผยทัศนคติที่มีต่อการแสดงครั้งสุดท้าย และเพลงสุดท้ายของตัวเองออกมาให้เห็น ว่านี่คือการแสดงที่ทำเพื่อใครบ้าง และต้องการนำเสนออะไร

ไม่ว่าจะเป็น ความพยายามทำให้ผู้ชมทุกคนมีความสุข ได้สัมผัสกับบทเพลงที่คุ้นเคยในแบบที่แตกต่างออกไป ด้วยการนำดนตรีคลาสิคัลตะวันตกมาพบกับดนตรีพื้นบ้านของเกาหลี ที่ยังเป็นการทำงานที่ท้าทายตัวเองและทีมงาน แล้วก็พยายามสานต่อสิ่งที่ได้เริ่มต้นเอาไว้ นอกเหนือจากการแสดงหรือบทบาทในฐานะศิลปินของซูมีโจ

อักมู ดูโอพี่-น้องเจ้าของความสำเร็จทั้งเงินทั้งกล่อง ที่อยากจะสร้างการแสดงที่สุดทะเยอทะยาน การแสดงที่เติมเต็มจินตนาการของพวกเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งมีทั้งการเปลี่ยนเวทีแสดงไปมา การใช้แดนเซอร์นับร้อย นักดิ่งพสุธาที่ต้องลงในช่วงเวลาและจุดที่กำหนด การกำกับเวทีที่ต้องทำให้การแสดงของพวกเขาออกมาดูลื่นไหล

การแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของอิมแจบอม ที่หายไปจากวงการนานถึง 6 ปี เพราะปัญหาส่วนตัว ที่การกลับมาพร้อมกับโจทย์การแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้ายในครั้งนี้ ยังเปิดเผยสิ่งต่าง ๆ ที่เขาเก็บเอาไว้ข้างในมายาวนาน หากที่สำคัญที่สุดก็คือ การแสดงของเขาคือการบ่งบอกอย่างเป็นรูปธรรมออกมาว่า เสียงเพลงไม่ใช่ทำได้แค่สร้างความบันเทิง หรือความสุข หากยังเป็นการ “เยียวยา” ในเวลาเดียวกัน แล้วไม่ใช่กับคนฟัง แต่กับผู้นำเสนอบทเพลงเอง บทเพลงที่เคยคิดว่าเป็นสารที่ส่งออกไปให้กับแฟน ๆ บางครั้งมันก็คือสารที่เขากำลังพูดกับตัวเองในเวลาเดียวกัน

จะว่าไปแล้วนี่คือตอนที่ “ขยี้” ความรู้สึกได้ดีที่สุดของสารคดีชุดนี้ก็ว่าได้

ขณะที่หนึ่งในศิลปินเค-พ็อประลอกแรก ๆ ที่บุกตลาดอเมริกา จองจีฮุนหรือเรน จะนำเสนอการแสดงที่นอกจากจะบ่งบอกถึงตัวตนของตัวเอง มีลูกเล่นที่น่าสนใจแล้ว สถานที่แสดงยังเป็นสถานที่สำคัญ ที่ไม่ใช่พื้นที่สำหรับความบันเทิงอย่างที่เขาทำ และจากการแสดงของเขาครั้งนี้ อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลาย ๆ รายเพิ่มเติมที่นี่ เป็นอีกจุดหมายของการเดินทางมาท่องเที่ยวเกาหลี

ตอนของลีนาพัค ดีว่ารุ่นใหญ่ ที่เคยทำงานร่วมกับอิมแจบอม เป็นอีกตอนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกเริ่มไม่ได้ทำให้รู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อเธอเลือกที่จะสะท้อนชีวิตของเธอในช่วงเริ่มต้น ที่เป็นการเดินทางมาหาชื่อเสียงในบ้านเกิด กับเพลงสำคัญ ที่ไม่ใช่แค่ร้องยาก แต่ยังมีความหมายกับตัวของเธอเอง แล้วในกลุ่มของผู้ชม ก็ยังมีคนสำคัญในชีวิตของเธอรวมอยู่ด้วย

ส่วนยูฮียอล นักแต่งเพลง-เรียบเรียงดนตรี-โปรดิวเซอร์- นักดนตรี-นักร้อง ที่ทำงานออกมาในนาม ทอย ซึ่งอาจทำให้นึกถึงบอย โกสิยพงษ์ ในบ้านเรา ที่หายหน้าหายตาไปจากการแสดงบนเวที และออกผลงานเพลง หรืออัลบัมมานาน เลือกเพลง การแสดง และคนทำงาน ที่อยู่ในอารมณ์ของการถวิลหาอดีต นึกถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมาของเขากับเพื่อนร่วมงาน และกับผู้ชมก็ไม่ต่างกัน นี่คือช่วงเวลาที่การแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย จะดึงเอาวันเวลาในอดีตที่พวกเขาหรือเธอเติบโตมากับทอย กลับมาอีกครั้ง

นี่คืออีกตอนหนึ่ง ที่อาจทำให้น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว

ตอนสุดท้าย สาว ๆ มามามู ที่แยกกันไปทำงานของตัวเองมานาน 2 ปี จะกลับมาทำการแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย แบบโกง ๆ นิด ๆ เมื่อพวกเธอนำเอาเพลงฮิต 2 เพลงของตัวเองมาร้อยเข้าด้วยกัน และเชื่อมด้วยคลิปที่แสดงให้เห็นถึงการเดินทางบนถนนสายดนตรีของพวกเธอ

โครงสร้างของเรื่องในแต่ละตอน อาจมีรูปแบบตายตัว ทีมงานคุยกับศิลปิน มอบนาฬิกานับเวลาถอยหลังเรือนโตให้ เลือกเพลง เลือกสถานที่ ซ้อม เตรียมงาน เผยปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนวันแสดง และแสดงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการแสดงจริง และแน่นอนการแสดง ที่ระหว่างทาง ยังมีรายละเอียดส่วนตัวของศิลปิน แทรกเข้ามาซึ่งทำให้เรื่องมีหัวจิตหัวใจมากขึ้น เช่น ตัวตน หรือปมบางอย่างของศิลปิน หรือการแสดง

แต่เมื่อการเล่าเรื่องของ Take 1 ไม่ได้เรียงลำดับแบบ 1-2-3-4 แม้บางตอนจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ทำให้แต่ละตอนของสารคดีชุดนี้ มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่าง ตัวเรื่องในภาพรวมมีความหลากหลาย ไม่ต่างไปจากศิลปินทั้งเจ็ดรายใน Take 1 ที่มีความแตกต่างกันชัดเจน ตั้งแต่แนวเพลง ภาพลักษณ์​ การแสดงออก วัย ประสบการณ์​ ตลอดจนปมในชีวิต หรือมุมมองที่มีต่อการแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย ที่สัมผัสได้จากเป้าหมายของแต่ละคน

แต่อย่างหนึ่งที่ทุกคนมีร่วมกัน นั่นก็คือ การเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมานาน มีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ หลายรายโด่งดังในต่างบ้านต่างเมือง มากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกันไป ซึ่งด้วยความสำเร็จของแต่ละราย สำหรับแฟน ๆ ของพวกเขาหรือเธอ รวมถึงผู้ชมที่แม้ไม่เคยรู้จักศิลปินเหล่านี้มาก่อน และเพิ่งได้รับรู้ผ่านการแนะนำในแต่ละตอนของ Take 1 ล้วนรับรู้ได้ถึงความสำคัญของ “การแสดงครั้งสุดท้าย เพลงสุดท้าย” ของพวกเขาหรือเธอ

การคัดสรรศิลปินยังแสดงให้เห็นถึงความ “เขี้ยว” ของทีมสร้างสารคดีชุดนี้ ที่ต้องทำการบ้านและรอบจัดขนาดไหนในการทำให้ Take 1 ออกมาเป็นงานที่ดูสนุก มีลุ้น มีตื่นเต้น มีบีบอารมณ์​ กดดันความรู้สึก ไม่แพ้งานดรามา และน่าสนใจตั้งแต่เปิดรายชื่อศิลปินออกมา

การเรียงร้อยแต่ละตอน ออกแบบ จัดวางเป็นอย่างดี ตอนที่มีความฉูดฉาด จัดจ้าน ถูกคั่นด้วยตอนที่มีความเป็นดรามา เร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับการสลับงานของแฟนเพลงรุ่นใหญ่กับงานพ็อป ที่นอกจากจะทำให้แฟนเพลงในแต่ละแนวทาง แต่ละยุคสมัยไม่รู้สึกไกลตัว จากการที่ต้องชมเรื่องราวของศิลปินที่พ้นวัยตัวเองยาว ๆ แล้ว ยังช่วยให้สารคดีชุดนี้ ไม่ใช่แค่หวือหวาแค่ตัวเพลงหรือศิลปิน แต่กับการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในแต่ละตอน หรือว่าในภาพรวมทั้ง 7 ตอน มีสนุก มีซึ้ง มีอารมณ์ขัน มีประทับใจ ให้ความรู้สึกโลดโผนโจนทะยานทางอารมณ์​ เป็นความวูบไหวในการชม

จนสารคดีชุดเรื่องนี้ ดูเพลินไม่ต่างไปจากงานซีรีส์ดรามา หรือว่าแอ็กชันทั้งหลาย ที่ได้การเขียนบทเยี่ยม ๆ และการเล่าเรื่องดี ๆ เลย


ผู้สร้างสรรค์: คิมฮักมิน เขียนบท: ยูจินยัง นักแสดง: ซูมิโจ, ลีนาพัค, มามามู, จองจีฮุน (เรน), อักมู,ยูฮียอล, อิมแจบอม

โดย นพปฎล พลศิลป์ จาก คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 34 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์หรือกดติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.