
ในอเมริกาซีรีส์เรื่องนี้ซีซันสองออนแอร์มาได้ครึ่งทางแล้ว ขณะที่บ้านเรามีทีวีดิจิตอลช่องหนึ่งเอาซีซันแรกมาฉายให้ชมกันผ่านค่อนทางเรียบร้อย และกว่านิตยสารสีสันฉบับนี้จะออกวางจำหน่าย ก็น่าจะปิดปีไปซะก่อน แต่ไม่ต้องห่วง เพราะดีวีดีแบบถูกลิขสิทธิ์มีวางจำหน่ายให้ซื้อหามาชม รวมทั้งช่องทางการดูในแบบสตรีมมิงก็ยังเปิดกว้างอยู่
กับการเป็นซีรีส์ซีซันแรก และได้ไฟเขียวให้สร้างซีซันสองต่อ ตั้งแต่ยังไม่ผ่านครึ่งทางของปีแรก ถือว่า Blindspot เป็นซีรีส์ที่น่าสนใจไม่น้อย และหากได้ดูกันแค่เปิดฉากมาตอนแรก ก็ทำได้น่าติดตามตอนต่อๆ ไปเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแน่นอนว่า ยิ่งเดินหน้าต่อไป ก็ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนไปจนถึงตอนสุดท้ายของซีซัน จากนั้นก็ต้องรอการมาถึงของซีซันต่อไป
ตัวเรื่องของ Blindspot เป็นงานดรามา อาชญากรรม สืบสวนสอบสวน ที่เริ่มด้วยการพบร่างหญิงสาวเปลือยนางหนึ่ง ถูกใส่ถุงนำมาทิ้งที่ไทม์ สแควร์ โดยทั่วร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยสัก และปราศจากความจำใดๆ ถึงเรื่องราวในอดีต โดยเบาะแสเดียวที่น่าจะทำให้เริ่มต้นสืบสาวราวเรื่องได้ก็คือ ชื่อของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจอมห้าวที่ชื่อ เคิร์ท เวลเลอร์ ที่เป็นรอยสักเบ้อเร่ออยู่กลางหลังของเธอ
และไม่ใช่แค่สืบหาความเป็นมาของสาวรอยสักนิรนาม ที่ตอนหลังถูกตั้งชื่อว่า เจน โด เพียงเท่านั้น รอยสักของเธอยังเป็นปริศนานำไปสู่คดีต่างๆ ให้บรรดาเจ้าหน้าที่เอฟบีไอของเวลเลอร์ต้องไขให้ออกอีกต่างหาก แล้วก็ยังลงลึกซับซ้อนไปยิ่งกว่า เมื่อดีเอ็นเอของเจน บ่งบอกว่า เธอคือเทย์เลอร์ ชอว์เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเวลเลอร์ ที่หายสาปสูญไป โดยที่ใครๆ เชื่อว่า เสียชีวิตไปแล้ว และโทษว่าเป็นความผิดของพ่อเขา ซึ่งกลายมาเป็นปมที่ทำให้เขากับพ่อไม่ลงรอยกันมาจนถึงทุกวันนี้ และพลอยให้เขาเอาใจใส่เจนเป็นอย่างดี เมื่อตกมาอยู่ในการดูแลของเขากับลูกทีม
หนังยังมีเรื่องรอง และเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องรองอีกหลายซับ หลายซ้อน ไม่ว่าจะเป็น คดีสำคัญที่เกี่ยวพันกับเบธานี เมย์แฟร์ ผู้บังคับบัญชาทีมเอฟบีไอทีมนี้ ความรักระหว่างลูกทีมของเวลเลอร์กับน้องสาวของเขา ความเปราะบางของเทชา ลูกทีมอีกคนของเวลเลอร์ ที่ทำให้เธอตกเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่หวังดีกับหน่วยอยู่บ่อยครั้ง ตลอดจนความขัดแย้งในองค์กรของเอฟบีไอ การปฏิบัติงานบางอย่างที่เป็นการละเมิดกรอบของกฏหมายอย่างจงใจ และที่ขาดไม่ได้ความสัมพันธ์ของเวลเลอร์กับเจน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนรายรอบ หรือเกี่ยวพันกับแกนเรื่องที่ว่าด้วยการตามหาตัวตนของเจน โด
เห็นกันชัดๆ ว่าซีรีส์เรื่องนี้มีแง่มุมมากมายสำหรับการหยิบมาเล่น ทั้งเรื่องเบาๆ อย่างเรื่อง โรแมนซ์ การทำคดีที่บางครั้งเปิดให้หนังได้เปลี่ยนบรรยากาศไปมา และตัวบท การวางเรื่องก็ใช้ ‘ของ’ ที่มีได้อย่างคุ้มค่า เมื่อเอาขึ้นจอได้อย่าง เข้มข้น การเดินเรื่อง เร็ว กระชับ ฉับไว วางปม แง่มุมต่างๆ ได้อย่างน่าติดตาม โดยเฉพาะการเล่นกับความไม่น่าเชื่อถือ ที่ทำให้ยากจะเลิกให้ความสนใจกลางคัน เมื่อทำให้เกิดความกระหายใคร่รู้ว่า ที่สุดแล้วเรื่องราวของ Blindspot จะปิดจบลง และเคลียร์ สร้างความกระจ่างให้กับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือได้อย่างไร
ซึ่งความไม่น่าเชื่อถือที่ว่าก็คือ รอยสักของเจน โด ที่ไปๆ มาๆ เป็นการชี้ช่องให้กับการป้องกัน หรือรับรู้ถึงอาชญากรรมบางอย่างที่กำลังจะเกิดได้ ราวกับคนสักรู้ล่วงหน้าว่า ทั้งอะไรจะเกิดขึ้น และเอฟบีไอทีมนี้จะเลือกปริศนาจากรอยสักรอยไหน ซึ่งไม่น่่า หรือว่ายากจะเป็นไปได้ ยกเว้นว่าจะเดินทางข้ามเวลามาดูก่อน ที่จะว่าไปก็เป็นลูกเล่นคล้ายๆ กับ The Blacklist นอกเหนือไปจากที่ว่า ซีรีส์ทั้งสองเรื่อง ยังมีลักษณะการดำเนินเรื่องที่ดูเผินๆ อาจจะเหมือน ว่าด้วยปฏิบัติการเป็นตอนๆ ของทีมเอฟบีไอในเรื่อง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ในภาพรวมทั้งหมด ก็ยังมีปมใหญ่ที่เชื่อมทุกตอนเข้าไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น
จนส่งให้จุดอ่อนของเนื้อหา ที่ดูไม่น่าเชื่อถือกลายเป็นจุดแข็ง ที่ไม่ใช่แค่เพียงน่าติดตาม หากเมื่อบทสรุปสุดท้ายของซีซันมาถึง ก็สามารถโยงใยกันกลายเป็นเหตุผลสนับสนุนความเป็นมาเป็นไปของเรื่องได้
แม้บางประเด็น บางปม อาจจะยังไม่หนักแน่นมากนัก แต่จากที่เห็น และพบในซีซันแรก ก็ทำให้รู้สึก (หรือมีความหวัง) ว่า น่าจะถูกขยับขยาย เฉลยความเป็นมาเป็นไป ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นในปีต่อๆ ไป เพราะอย่าลืมว่า ที่สุดแล้ว ซีรีส์ที่ดูเหมือนเป็นตอนๆ เรื่องนี้ มีปมหลักที่ทำให้ทุกตอนเกี่ยวข้องกัน และเมื่อบทสรุปมาถึง เนื้อหาในแต่ละตอนก็ดูจะไหลมารวมอยู่ที่จุดเดียวกัน อย่างน้อยๆ ในซีซันแรกก็เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้
ก่อนที่จะจบอย่างคาค้างใจ จนทำให้ต้องรอคอยติดตามเรื่องราวในซีซันต่อไปด้วยใจอันร้อนรน
โดย นพปฎล พลศิลป์ จากคอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่