
จาก ‘La Famille Belier’ หนังฝรั่งเศสเมื่อปี 2014 ที่เข้าชิงรางวัลซีซาร์ หรือตุ๊กตาทองของฝรั่งเศสถึง 6 สาขา กลายมาเป็น ‘CODA’ หนังเยี่ยมออสการ์ปีล่าสุด (2021)
หนังทั้งสองฉบับก็มีความแตกต่างในรายละเอียดกันอยู่บ้าง แต่โครงหลักไม่ผิดเพี้ยนมากนัก ต่างก็ว่าด้วยครอบครัวหูหนวกและเป็นใบ้ สี่คนพ่อแม่ลูกชายและลูกสาว ที่รายหลังซึ่งเป็นเจ้าของเสียงพรสวรรค์ เป็นคนเดียวในบ้านที่ประสาทสัมผัสครบ จนต้องทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาใบ้ของครอบครัวกลาย ๆ ในยามที่สมาชิกคนอื่น ๆ ต้องติดต่อกับผู้คน แต่แล้วจุดพลิกผันในชีวิตของเธอและครอบครัวก็มาถึง เมื่อเธอเติบโตขึ้น และพรสวรรค์ในตัวถูกเปิดเผย แล้วก็มากพอในระดับที่สามารถส่งตัวเองให้ไปเรียนในสถาบันทางดนตรีที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลงได้ ทำให้เธอต้องเลือกระหว่าง การทำตามความฝัน หรือทำเพื่ออนาคตของตัวเอง กับการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ที่ดูเหมือนจะขาดเธอไม่ได้ต่อไปในเมืองเล็ก ๆ เก็บพรสวรรค์ไว้กับตัวจนตาย
กับการเป็นงานฟีลกู๊ด ที่ดูออกกันตั้งแต่ใบปิด หนังทั้งสองเรื่องปิดจบแบบไม่ใจร้าย แล้วก็ให้ความรู้สึกดี ๆ กับผู้ชมตอนเดินออกจากโรงเช่นกัน
ส่วนความแตกต่างในรายละเอียด นอกจากอาชีพการงาน ที่ใน ‘CODA’ บ้านหลังนี้ทำมาหากินด้วยการทำประมง ไม่ใช่การเกษตร เด็กสาวตัวเอกของเรื่องมีพี่ไม่ใช่น้องชาย หนังยังแทรกมุมมองของคนที่ประสาทสัมผัสมีปัญหา เพราะสื่อสาร หรือเข้ากับคนปกติทั่วไปไม่ได้ จนกันตัวเองออกจากผู้คน เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกหรือตัวประหลาด ที่กลายเป็นการยกระดับหนังให้มีหมายเหตุทางสังคม เมื่อครอบครัวนี้ ไม่ใช่แค่ครอบครัว “หนึ่ง” แต่หากเปรียบเสมือนตัวแทนของครอบครัวคนหูหนวกในสังคม
มุมมองใหม่ ๆ ที่โยนเข้ามา ยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง ลงลึก มีความจริงจังมากกว่าแค่เรื่องของความห่วงใย ที่พ่อ-แม่มีต่อลูกที่กำลังเติบโต ออกไปใช้ชีวิตโดยลำพัง ไม่ใช่แค่เรื่องของการยอมรับว่าชีวิตของแต่ละคนต่างก็มีโลก มีความฝันของตัวเอง หากยังเป็นเรื่องของการเสียสละ บางสิ่ง (คน) ที่ทำให้ชีวิตเคยง่ายขึ้น และตัวเองต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่ เรียนรู้ที่จะกล้าออกไปสัมผัสกับโลกภายนอก ที่ครั้งหนึ่งเคยมีตัวแทนหรือปากเสียงของบ้านรับหน้าแทน
ถึงจะเป็นประเด็นที่จริงจัง รู้สึกถึงความเคร่งเครียด แต่เซียน เฮเดอร์ ที่ควบทั้งเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ก็แทรกใส่เรื่องราวเหล่านี้เข้ามาในเรื่องได้กลมกลืนกับเรื่องหลักของหนัง รวมถึงคุมโทน คุมบรรยากาศและอารมณ์ของเรื่องให้อยู่ในลู่ในทางของงานฟีลกู๊ด เบาสมอง ที่มีสัมผัสของความอบอุ่นอยู่ในตัว แล้วยังนำเสนอเป็นขั้นเป็นตอน มีพัฒนาการผ่านการกระทำ ผ่านการแสดงออกของตัวละคร ซึ่งต่างก็ได้นักแสดงที่เป็นผู้พิการทางการได้ยินจริง ๆ มาเล่น โดยหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ มาร์ลี แม็ตลิน นักแสดงรางวัลออสการ์จากหนัง ‘Children of a Lesser God’ จากยุค ‘80s ที่รับบทแม่เด็กสาวตัวเอกของเรื่อง ไม่ใช่แค่บรรดาตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของหนังเล่นรับส่งกันได้เข้ามือเข้าขาเท่านั้น นักแสดงสมทบที่มีส่วนร่วมกับเรื่องมากเป็นพิเศษ ก็ทำได้ไม่แตกต่างต่างกัน และส่งผลให้หนัง “สัมผัส” ผู้ชมได้ง่ายขึ้น
เรื่องราวจบลงอย่างอบอุ่น ซาบซึ้ง ประทับใจ เมื่อตัวละครต่างหาทางออกที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้สำเร็จ ซึ่งหมายความถึง ดูเป็นเห็นเป็นผลกับสิ่งที่ปูเอาไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ได้ดูสวยแบบเพ้อฝันจนรู้สึกเป็นไปไม่ได้
เพราะความจริงจัง เพราะประเด็นที่ซับซ้อนกว่า รวมถึงเอะมะเทิ่งน้อยกว่า แล้วก็ไม่มีเรื่องที่ดูจะไม่เข้าท่าเข้าทางมาปะปน บวกกับการที่เพลงประกอบล้วนเป็นงานที่คุ้นเคยและติดหูกว่าเยอะ ‘CODA’ ย่อมเข้าถึงง่ายกว่า ‘La Famille Bélier’ แน่ ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว ตลอดจนอารมณ์แบบฟีลกู๊ดแท้ ๆ รวมไปถึงการเล่าเรื่องแบบมีจริตไม่เยอะ งานฉบับอเมริกันอาจจะดร็อปลงบ้างนิดหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ดูจากปฏิกริยาของผู้ชม และสัมผัสส่วนตัวที่ได้รับในตอนท้าย จะ ‘CODA’ หรือว่า ‘La Famille Bélier’ อุ่นใจและอิ่มอารมณ์ไม่แตกต่างกัน
ผู้กำกับ: เซียน เฮเดอร์ ผู้เขียนบท: เซียน เฮเดอร์ จากเรื่อง ‘La Famille Bélier’ โดย วิกทอเรีย เบดอส, โธมัส บิเดเกน, สตานิลาา คาร์เร เดอ เมลเบิร์ก, เอริก ลาร์ทิกู นักแสดง: เอมิเลีย โจนส์, ยูเจนิโอ เดอร์เบซ, ทรอย ค็อตเซอร์, เฟอร์เดีย วอลช์-พีโล, แดเนียล ดูแรนต์, มาร์ลี แม็ตลิน
นพปฎล พลศิลป์
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่