
งานที่เดวิด ลีทช์ ผู้กำกับ ‘John Wick’ เป็นผู้อำนวยการสร้าง และเป็นหนังใหญ่เรื่องที่สองของเซดริก นิโคลาส-ทรอยาน มือเทคนิกพิเศษและผู้กำกับหน่วยสองของ ‘Snow White and the Huntsman’ ที่ได้กำกับ ‘The Huntsman: Winter’s War’ เป็นเรื่องแรก ทำหน้าที่ผู้กำกับ
กับเรื่องนี้ทรอยานได้นักแสดงหญิงที่เหมือนจะขึ้น ๆ ไปอยู่แถวหน้า แต่ก็ไต่ไปไม่ได้สักที แมรี อลิซาเบ็ธ วินสตีด มารับบทนำ
พล็อตหนังอยู่ในข่ายเห็นซ้ำ เห็นซาก ที่ไม่ใช่แค่มากันทุกปี แต่ปีหนึ่งก็ใช่ว่าจะมีแค่เรื่องเดียวอีกต่างหาก กับนักฆ่าที่อยากวางมือหลังภารกิจที่มีเหตุสะเทือนใจ โดยหวังปิดจ็อบที่ค้างคาให้เรียบร้อย แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้เวลาชีวิตเหลืออีกไม่มากนัก จนต้องใช้เวลาน้อยนิดออกล่าคนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น คนที่เป็นเป้าหมายสุดท้ายที่ต้องจัดการให้นั่นแหละ
และหนังก็ใช้เวลาแค่นั้นของตัวละคร มาใส่ฉากแอ็กชั่นมันส์ ๆ การตามล่าแบบทิ้งตัว ไม่สนใจชีวิตตัวเอง ที่ต้องแข่งกับเวลาเข้ามา
นักฆ่าคนที่ว่าในหนังเรื่องนี้เป็นหญิงสาวชื่อ เคท และรับบทโดยวินสตีด
ที่ตลกก็คือ นอกจากพล็อต การตั้งชื่อหนังก็ยังซ้ำซาก เพราะหนังทำนองนี้เรื่องก่อน ๆ หน้า ก็เอาชื่อตัวละครมาตั้งแทบทั้งนั้น อย่าง ‘Hanna’, ‘Lucy’, ‘Salt’, ‘Colombiana’, ‘Ava’ กระทั่งงานของลีทช์เอง ‘John Wick’
แต่ในความเดิม ๆ ‘Kate’ ก็พยายามหาที่ทางของตัวเอง จากรายละเอียดที่ใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการให้คู่หูของเคทเป็น อะนิ (มิกุ มาร์ทินู) เด็กสาว ที่พ่อถูกเคทยิงตายต่อหน้า ซึ่งละเมิดกฎของนักฆ่าจนตัดสินใจวางมือ ส่วนคนที่เคทต้องล่า ก็ไม่ใช่ใครอื่นหัวหน้ายากูซา – คิจิมา (จุน คุนิมูระ) ลุงของอะนิ ส่วนความสัมพันธ์ของสาว ๆ ก็ไม่ต่างไปจากที่เคยเห็นกันในหนังคู่หูทั้งหลาย ที่นอกจากลักษณะภายนอกจะแตกต่าง ขัดแย้ง ความคิดเห็นอะไรก็ไม่ค่อยจะไปด้วยกัน แต่เมื่อเวลาผ่าน ทั้งคู่ก็เปิดใจและเข้าคู่กันได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องการชิงอำนาจกันของพวกแก๊งยากูซาเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทั้งสองคนตกเป็นเป้า ยิ่งไปกว่านั้นนักฆ่าสาวที่เวลาชีวิตมีไม่มาก ยังกลายเป็นเครื่องมือของบางคนไปในคราวเดียวกัน ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงน่าจะเดาออก หลังได้รู้ว่ามีแผนการยึดอำนาจของแก๊งยากูซา จนตัวตนที่ถูกเปิดเผยของตัวละครรายนี้ตอนท้าย ไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์มากนัก
ส่วนที่น่าสนใจของหนัง ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของฉากแอ็กชั่น ที่ถึงใส่มาเต็ม แต่ก็ไม่ได้หวือหวาหรือสดใหม่ จะว่าไปแล้วตัววินสตีดเองก็ดูเก้ ๆ กัง ๆ หากเทียบกับสาวบู๊คนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ แต่ยังดีที่ได้บรรยากาศของญี่ปุ่น (โอซาก้า) ในยามค่ำคืน การใช้แสงสี มุมกล้องในบางฉากมาช่วย ทำให้ฉากแอ็กชั่นและโทนของหนังมีอะไรให้จับตาอยู่บ้าง
กลับมาที่ส่วนที่น่าสนใจ ซึ่งอยู่ที่ความสัมพันธ์ของเคทและอะนิกับครอบครัวของตัวเอง ที่แตกต่าง อะนิไม่ได้รับการเอาใจใส่จากลุง ซึ่งมีสายเลือดเดียวกัน แต่เคทกลับมีคนดูแล เป็นห่วงเป็นใยไม่ต่างจากพ่อ อย่าง วอร์ริก (วูดี ฮาร์เรลสัน) ที่เก็บเธอมาเลี้ยงและฝึกจนเป็นนักฆ่า เรื่องราวตรงนี้ช่วยให้ตัวละครใน ‘Kate’ ที่ไม่ได้สลับซับซ้อน พอมีมิติ มีความลึกขึ้นมานิดหน่อย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเคทกับวอร์ริก ที่อาจไม่เป็นอย่างที่เห็น และช่วยให้หนังกับตัวละครมีความรู้สึกในตัว
แต่ก็ไม่มากจนถึงขั้นซาบซึ้ง และก็ไม่ถึงกับจับหู จับตา เช่นเดียวกันส่วนอื่น ๆ ของหนัง ที่คุ้นเคยกันดีจากหนังทำนองเดียวกันเรื่องก่อน ๆ หน้านั่นเอง
(KATE ทางเน็ตฟลิกซ์)
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทนฉบับที่ 1337 ปักษ์แรกตุลาคม 2564
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่