
LAST CHRISTMAS: พล็อทที่ว่าด้วยหนึ่งในตัวละครหลักป่วยด้วยโรคที่ยากรักษาหาย และเอาถึงตายแบบนี้ หากเป็นหนังเกาหลี หรือว่าฮ่องกง คงต้องบอกว่า ต้องทำเอาคนดูเดินตาแดงออกมาจากโรงได้แน่ๆ ซึ่งคงไม่ได้สปอยล์อะไรมากมาย เพราะชื่อหนังก็น่าจะบอกเป็นนัยๆ ได้อยู่แล้ว
แต่พอเป็นหนังตะวันตก ที่แม้จะมีครบ เหตุการณ์กระชากน้ำตาที่เป็นเรื่องหักมุมของหนังไปพร้อมๆ กัน, ความน่ารักของสองตัวละครหลัก, ตัวละครสมทบที่น่าสนใจ, บรรยากาศแห่งความสุขในช่วงคริสท์มาส, เพลงเพราะๆ ของจอร์จ ไมเคิล, อารมณ์ขัน, มีทั้งความโรแมนติกและแฟนตาซี ที่พร้อมจะสร้างความประทับใจ
หนังกลับทำไม่ได้อย่างงานเอเชียเรา เมื่อความสัมพันธ์ของพระ-นาง เฮนรี โกลดิงกับเอมีเลีย คลาร์คดูห่างๆ เหินๆ จนไม่รู้สึกถึงสายใยระหว่างกัน และทำให้หนังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ควรจะเป็น แถมยังมีเรื่องจริงๆ จังๆ ที่ถูกย่อยให้เป็นอารมณ์ขันอย่าง เรื่องเบร็กซิท, เรื่องคนไร้บ้าน, ปัญหาในครอบครัว ที่มีหลากหลาย ทั้งเรื่องลูกที่ต้องเดินตามความฝันของพ่อจนไม่เป็นตัวของตัวเอง รวมไปถึงเรื่องรักร่วมเพศ และความพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับโลกใหม่ ที่ถูกใส่เข้ามาจนทำให้หนังไม่มีเวลาให้กับสองตัวละครศูนย์กลางของหนัง ที่จะว่าไปแล้วโดนเรื่องกุ๊กกิ๊กระหว่างเจ้านายสาวของฝ่ายหญิงกับหนุ่มลึกลับขโมยซีนเป็นระยะๆ อีกต่างหาก
แถมเรื่องราวเหล่านี้ ดูๆ ไปก็เหมือนว่าเอ็มมา ธอมป์สันเจ้าของเรื่องและผู้เขียนบท (แล้วก็เล่นเป็นแม่ของคลาร์คด้วย) ใส่เข้ามาสนอง Need ตัวเอง เพราะแม้จะเรียกเสียงหัวเราะได้ในหลายๆ ครั้ง แต่ก็ดูไม่เนียนเข้ากับเรื่องราวทั้งหมดของหนังเลย
นักแสดงนำต่างก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดีอย่างที่บทหรือหนังแนวนี้ถามหา คลาร์คออกจะน่ารำคาญด้วยซ้ำในช่วงแรกๆ ส่วนโกลดิงก็ดูแบน และไม่น่าสนใจเหมือนที่เห็นใน Crazy Rich Asians หันไปหาตัวสมทบทั้งหลายก็ไม่ได้แข็งแรงเช่นที่ในหนังแนวนี้ดีๆ ควรมี
ส่วนเพลงของจอร์จ ไมเคิล ก็ถูกนำมาใช้แบบขาดๆ เกินๆ มีบทบาทน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
หนังเลยไม่ทำให้อิ่มไปกับบรรยากาศและความรัก ตลอดจนมุมมองในแบบฟีลกูดของหนังได้สำเร็จ
โดย นพปฎล พลศิลป์