
MANHUNT: หลังหนังใหญ่ยักษ์ The Crossing ทั้งสองภาคคว่ำสนิท ชื่อของจอห์น วูดูจะหมองลงไปไม่น้อย จนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา วูก็กลับมาพร้อมกับงานใหม่ ที่เป็นงานหนังแอ็คชันในแบบที่สร้างชื่อให้กับวู โดยเฉพาะ The Killer ที่ตัวละครนำมีลักษณะคล้ายๆ กัน คนหนึ่งคือมือกฎหมาย ส่วนอีกคนก็คือ ผู้ต้องหา (หรือมือสังหาร สำหรับ The Killer)
ที่มาของตัวหนังนั้นเป็นนิยายของญี่ปุ่น เรื่อง Kimi yo Fundo no Kawa o Watare ที่เขียนโดยจูโกะ นิชิมูระอีกที ซึ่งจากข้อมูลนั้นวูตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึง เคน ทาคากูระ นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่เคยรับบทนำหนังเรื่องนี้ ที่สร้างกันในปี 1976
ตัวเรื่องราวนั้นว่าด้วย ตู้ชิว ทนายมากฝีมือที่ทำงานให้กับบริษัทยาเท็นจิ ต้องปล่อยมือจากบริษัทนี้ เพื่อไปทำงานในต่างประเทศ แต่แล้วกลับถูกจัดฉากให้กลายเป็นฆาตกรสังหารคู่ขาของตัวเอง จนเขาต้องหนีการตามล่าจากทั้งตำรวจเลวและตำรวจดี ที่ขณะเดียวกันเขาก็ต้องหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไปพร้อมๆ กัน
หนังยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตู้ ชิวกับมิยูระนายตำรวจมือดี, ความสัมพันธ์ของสองมือสังหารในการดูแลของเท็นจิน ที่ยังมีบางอย่างผูกพันกับตู้ ชิวซ้ำ, ความเป็นมาของคดีที่ตู้ ชิวว่าความให้ในอดีต รวมไปถึงเบื้องหลังของเท็นจินที่กำลังค้นคว้าหาทางผลิตยาเพิ่มประสิทธิภาพให้มนุษย์ เพื่อจะเอาไปใช้เป็นอาวุธต่อไปในภายภาคหน้า
หนังมาพร้อมกับความซับซ้อนของเรื่อง ของตัวละคร แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเป็นชิ้นเป็นอันนัก เมื่อไม่ได้ลงลึกไปอย่างที่หนังเปิดทางให้ และหลายๆ ครั้งปมประเด็นปัญหาต่างๆ ยังคลี่คลาย ถูกจัดการอย่างง่ายดาย ทั้งที่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น ซึ่งจะสามารถส่งผลกระทบกับความรู้สึกของผู้ชมได้ไม่ยาก อย่าง ความผูกพันของสองมือสังหารที่หนังพูดถึงเพียงผิวเผิน ทั้งที่เป็นปมสำคัญที่ทำให้เกิดการตัดสินใจที่พลิกผันในตอนท้าย หรือความสัมพันธ์ระหว่างตู้ ชิวกับมิยูระ ที่ทำให้นึกถึงหนัง The Killer นั้น ก็ไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาอย่างลึกซึ้ง แถมยังถูกบอกเล่าอย่างตื้นเขินมากๆ จนยากจะเชื่อว่าทั้งสองคนมีความผูกพันหรือเชื่อใจกันอย่างที่หนังว่าเอาไว้ได้จริง
ที่ตลกก็คือ บางปริศนาที่เรื่องผูกเอาไว้ และถูกเฉลยออกมาหลายต่อหลายครั้ง กลับมีความขัดแย้งกันในรายละเอียดของเหตุการณ์อย่างชัดเจน จนทำให้ต้องย้อนดูเหตุการณ์เทียบกัน ว่าตกลงเส้นเวลา หรือรายละเอียดที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นยังไงกันแน่
ยังดีที่พอมีความเซอร์ไพรส์ในเรื่องสาหตุที่ทำให้ตู้ ชิว ตัวเอกของเรื่องถูกจัดฉาก จนเรื่องราวทุกอย่างไปไกลใหญ่โต ที่จะว่าไปแล้วเกิดมาจากเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเพียงแค่นิดเดียว
นักแสดงก็เล่นกันแบบไม่ได้ให้คุณภาพที่ดีนัก ทั้งในแง่ของการเล่นได้สมบทบาท และเล่นรับส่งกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมยากจะ “อิน” ไปกับสิ่งที่พวกเขาและเธอต้องเผชิญ
เรียกว่าหนังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมายก็คงไม่ผิด ยังดีที่ใส่ฉากแอ็คชันมาอย่างต่อเนื่อง ที่มากพอจะทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่อ แม้จะไม่มีอะไรใหม่ รวมทั้งระดับความแรงของแต่ละฉากก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย หากอย่างน้อยก็พอมีอะไรที่พอตื่นเต้นได้เกิดขึ้นบ้าง และแต่ละฉากก็มาพร้อมกับลายเซ็นของวู ทั้งการใช้ภาพสโลว์ โมชัน, ท่ากระโดดยิงปืนสองมือของตัวละคร และนกพิราบ ที่เหมือนกับจะประชดหรือเสียดสีตัวเอง เมื่อหนนี้วูยกมาเป็นกรงๆ กันเลยทีเดียว
Manhunt ไม่ใช่งานที่วูกู้ชื่อได้สำเร็จจากความล้มเหลวของ The Crossing แถมยังมีลักษณะของการหากินกับบุญเก่ ในแบบที่เทียบกับงานที่เยี่ยมยอดจนดันให้เขาได้ทำงานในฮอลลีวูดไม่ติดฝุ่น
และไม่น่าแปลกใจ ที่ต่อให้ได้เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์เวนิซ และเข้าฉายในจีนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา หนังจะกลายเป็นงานบนเน็ทฟลิกซ์ที่เพิ่งปล่อยให้ได้ชมกันในต้นเดือนพฤษภาคมนี้อย่างที่เห็นๆ กัน
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1256 ปักษ์หลังพฤษภาคม 2561
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่