
MONKEY KING 2: THE LEGEND BEGINS: จากภาคแรกที่เป็นดอนนี เยน รับบทเห้งเจีย หรือหงอคง ที่แม้จะเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดของฉากแอ็คชัน และเทคนิคพิเศษที่มากจนล้น แต่ท้ายที่สุด หนังก็กลายเป็นงานย้วยๆ ด้วยความที่กระดูกของหนังไม่ได้แข็งแรงสักเท่าไหร่
การกลับมาในปีนี้ พร้อมกับได้กั๋ว ฟู่ เฉิงมารับบทเห้งเจียแทน ในภาพรวมของหนัง ถือว่า ตัวเรื่อง พล็อต มีความแข็งแรงมากกว่างานในภาคแรก แต่ก็แค่ดีกว่าภาคแรก เพราะที่สุดแล้วหนังก็ยังเจอปัญหาเดียวกันกับหนังจีนยุคใหม่ที่ขายเอ็ฟเฟ็คท์หลายต่อหลายเรื่อง ที่มาพร้อมกับฉากแอ็คชันยืดยาว และไม่มีฉากไหนที่ดูเหนือกว่าใคร ฉากไหนที่พีคทางอารมณ์ หรือทำให้รู้สึกตื่นตามากที่สุด จนพาตัวหนังไปอยู่ในระนาบเดียวกัน
แล้วฉากแอ็คชันต่างๆ เหล่านี้ ก็แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากหนังฮอลลีวูดเรื่องต่างๆ มากมาย ที่ถูกหยิบจับมาดัดแปลงใช้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่ทำให้นึกถึง The Hobbit, ซัวเจ๋งที่เป็นส่วนผสมของบีสท์ ใน X-Men กับตัวร้ายจาก 300, ชุดเกราะของเห้งเจียที่มาเป็นส่วนๆ ราวกับชุดไอออน แมน, ปีศาจกระดูกขาวตัวร้าย กับการปรากฏกายที่ไม่ต่างไปจากราชินีโฉดใน Snow White and the Huntsman แถมที่อยู่อาศัยก็ละม้าย ถ้ำของซูเปอร์แมนที่ขั้วโลกเหนือไม่ใช่น้อย
ก็เลยทำให้ความตื่นตาหรือน่าทึ่ง หดหายไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่ของคุณภาพสำหรับการทำเทคนิคพิเศษ ทุกอย่างก้าวหน้ามากกว่าเดิม พัฒนามากขึ้น
การเล่าเรื่องของหนังก็ดูกระโดกกระเดก การผสมอารมณ์ขัน ความซาบซึ้ง และฉากแอ็คชัน ดูจะไม่ลงตัวนัก ให้ความรู้สึกผิดที่ ผิดทางอยู่บ่อยครั้ง
แต่ก็อย่างที่บอก หากเทียบกันกับหนังภาคแรก Monkey King 2: The Legend Begins ดูลงตัวกว่า แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ เมื่อเทียบกับมาตรฐานของหนังที่สร้างเพื่อความบันเทิงโดยทั่วๆ ไป
ควรชมหากชอบ: The Monkey King, Iceman
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่