Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว SOUL เรื่องเล่าถึงชีวิต ก่อนการกำเนิด เกิดขึ้น และเป็นไป ****

ใน Inside Out พีท ด็อคเตอร์ ทำให้เข้าใจว่า อารมณ์ทุกๆ อารมณ์ ล้วนมีความสำคัญ ไม่จำเป็นต้องพยายามกำจัด หรือสลัดทิ้งอารมณ์ในเชิงลบ ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความหดหู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหนต่างก็มีความเชื่อมโยงต่อกัน ไม่ควรให้อารมณ์หรือทิศทางใดอยู่เหนือกว่าอารมณ์อื่นๆ มิเช่นนั้นการใช้ชีวิตจะเสียศูนย์ และสูญเสียไปในที่สุด

จากงานที่สารสื่อให้เข้าใจได้ไม่ง่าย Inside Out กลายเป็นงานที่ดูสนุกและประทับใจได้

ปีนี้ (หรือปลายปีที่แล้ว) พีท ด็อคเตอร์ กลับมาพร้อมเรื่องราวในแบบ เล่น ‘ของยาก’ อีกครั้งกับ Soul ที่ว่าด้วยโจ การ์ดเนอร์ (เจมี ฟ็อกซ์ซ์) มือเปียโนแจ๊ซซ์ฝีมือดี ที่ฝันว่าจะได้เล่นกับศิลปินใหญ่ ได้ทำงานกับศิลปินดัง แต่โอกาสก็มาไม่ถึง ได้แค่เล่นดนตรีในค็อฟฟีช็อปที่เงินทองไม่พอยาไส้ กับเป็นครูรับจ้างสอนในโรงเรียนรัฐ แต่แล้วโชคในชีวิตก็มาถึงไล่ๆ กันให้เลือก โจได้เป็นครูสอนประจำ และได้เล่นกับศิลปินใหญ่อย่างที่ฝัน แต่ดันตกท่อตาย!!! (ใครว่าตกท่อมีแต่ในกทม.) แต่ขณะที่วิญญาณเดินทางไปสู่ดินแดนหลังความตาย โจกลับวิ่งย้อนออกมาหาทางกลับโลก เพื่อทำตามความฝัน แต่ดันไปอยู่ในดินแดนก่อนการเกิด ซึ่งวิญญาณทุกดวงจะได้รับการปลูกฝังสิ่งต่างๆ สำหรับการใช้ชีวิตก่อนไปเกิด แต่ละดวงมีทั้งสิ่งที่เหมือนหรือแตกต่างกัน และด้วยความผิดพลาด โจกลายเป็นผู้เทรนวิญญาณหมายเลข 22 (ทีนา เฟย์) ที่ไม่อยากไปเกิด เธอตกลงกับโจว่า จะรับการเทรนและถ้าทำได้จะมอบป้ายผ่านทางให้เขาได้กลับไปยังโลกมนุษย์

แม้จะเทรน 22 ไม่สำเร็จ และหลงไปในดินแดนวิญญาณหลงทาง แต่ทั้งคู่ได้พบกับมูนวินด์ ที่คอยช่วยเหลือวิญญาณหลงทาง ที่ช่วยให้โจได้กลับโลกมนุษย์ และด้วยความผิดพลาด 22 ติดมาด้วย และเข้าไปอยู่ในร่างของโจ ส่วนวิญญาณของโจกลับไปอยู่ในร่างแมวบำบัด ทำให้โจต้องหากลับเข้าร่างให้ทันเวลาขึ้นเล่นกับศิลปินใหญ่ และส่ง 22 กลับแดนก่อนเกิด ระหว่างนั้นเทอรฺ์รี ฝ่ายบัญชีของดินแดนหลังความตายก็พบว่ามีวิญญาณหายไป และตามทั้งคู่มาถึงโลกมนุษย์เพื่อนำตัวกลับ

ภายใต้เรื่องราวที่เป็นการผจญภัย มีการไล่ล่า มีการกระทำแข่งกับเวลา ที่นำเสนอออกมาได้สนุก ตื่นเต้น ลุ้น และมีอารมณ์ขัน แบบงานบันเทิงสนุกๆ Soul ยังมาพร้อม Soul ในตัว เมื่อเต็มไปด้วยสารที่แข็งแรงและน่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตของคนเรา เรื่องของการเกิดมา ที่สุดแล้วแล้วเราเกิดมาเพื่ออะไร? ทำตามความฝัน หรืออะไรที่ดูมีความหมายมากหรือน้อยกว่านั้น ที่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเป็น เพียงแต่ต้องเปิดตา โดยเฉพาะใจค้นหา ซึ่งบางครั้งไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกล จะว่าไปอาจจะเป็นสิ่งที่เราใช้ชีวิตอยู่กับมัน เหมือนกับลมหายใจ จนมองข้าม ก็เป็นได้

การผจญภัยของโจและ 22 พาทั้งคู่ไปพบการเปลี่ยนแปลง

หลังได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากสิ่งรอบข้าง โจที่มี 22 อยู่ในร่างได้รู้จักโลกรอบๆ ตัว ที่เป็นการมองจากข้างนอกเข้ามา ไม่ใช่มองจากข้างในออกไปเหมือนที่เคยเป็น และทำให้เขาเข้าใจชีวิตมากขึ้นผ่านคนที่ 22 ได้สัมผัสผ่านร่างของเขา ไม่ว่าจะเป็น คอนนี นักเรียนที่อยากลาออกจากวงดนตรีโรงเรียน, เดซ ช่างตัดผมที่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์ต้องสลาย รวมถึงทำให้ลิบบา แม่ของโจที่ค้านการเป็นนักดนตรีกลางคืนของลูก ยอมรับและเข้าใจความปรารถนาและการได้สัมผัสกับฝันที่เป็นจริงของลูกชาย และท้ายที่สุดโจก็รู้ว่า ตัวเองเกิดมา ‘เพื่อ’ อะไร? ส่วน 22 ก็มีโอกาสรับรู้การใช้ชีวิต ที่มีทั้งความสวยงาม ชีวิตชีวา ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้น ทั้งคู่ก็ต้องผ่านเหตุการณ์พลิกผัน พัลวันพัลเกมากมาย ที่หนักข้อถึงกับความสัมพันธ์แตกร้าว

โครงเรื่องของ Soul อาจทำให้นึกถึง Inside Out ไม่ยาก ตัวละครของโจและ 22 ก็คือคู่หูแบบที่เห็นเป็นประจำในหนังของพิกซาร์ ซึ่งทำให้หนังมี ว้าว! พาวเวอร์ ที่ไม่แรงนักสำหรับการเล่าเรื่อง แต่กับมิติความลึกของสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ ประเด็นที่อยากเล่า Soul ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า Inside Out และอาจจะจับใจมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อดูเป็นรูปธรรม เข้าใจได้ง่ายกว่า

นอกจากจะทำให้ได้ทบทวนถึงเรื่องการเกิดมาเพื่ออะไร Soul ยังมีเรื่องของการใช้ชีวิต ที่คนเราคิดแต่เรื่องของตัวเองมากไปหรือเปล่า เปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งที่เข้ามาบ้างไหม และเมื่อไม่ได้มองโลกด้วยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ก็จะพบมุมของชีวิตที่แตกต่างมากขึ้น แล้วอย่าลืมว่า ชีวิตผกผันของโจเกิดขึ้นหลังไม่กี่วินาทีที่ได้รับข่าวดี แต่แล้วทุกอย่างก็หายวับไปกับตา!!!

นั่นคือคุณค่าที่ Soul มอบให้ผ่านเรื่องราว ที่นำเสนอด้วยความเนี้ยบ ประณีต ของงานโปรดัคชัน ภาพที่แสง-สีอาจทำให้หนังคนแสดงได้อาย เพลงและดนตรีประกอบก็ไม่เสียของที่เป็นเรื่องของนักดนตรีแจ๊ซซ์ ทั้งเพลงแจ๊ซซ์จากจอห์น บาติสเต ที่ทำให้เสียงเพลงจากการบรรเลงของโจ มีลักษณะเฉพาะ มีตัวตน สมกับที่ตัวละครที่เป็นตำนานในเรื่องได้ยินแล้วทึ่ง

ดนตรีประกอบของเทรนท์ เรซเนอร์ และแอตติคัส รอสส์ คู่หูเจ้าของออสการ์จาก The Social Network ที่เพิ่งมีผลงานชั้นเยี่ยมใน Mank ก็สมราคาคนทำงานและตัวหนัง อย่างแรกคือเผยศักยภาพของทั้งคู่อีกด้านหนึ่ง ด้วยโทนดนตรีอ่อนโยน นุ่มนวลกว่าที่เคย นำไปสู่อย่างที่สอง – รับกับเนื้อหาและอารมณ์ของเรื่อง มีความหวือหวาในโลกก่อนเกิดและหลังความตาย มีความอบอุ่นในโลกของมนุษย์เมื่อสองตัวละครผจญภัยร่วมกัน

แล้วอย่าลืมว่า เรซเนอร์นั้น ครั้งหนึ่งเคยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลทางจิต ตัวเองเป็นศิลปินอินดัสเทรียล ทำเพลงหม่นๆ ที่แปะตรา Parental Advisory แทบทุกชุด แต่กลับทำดนตรีประกอบหนังอวลไอแจ๊ซซ์ ที่ว่าด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับหนังครอบครัวของดิสนีย์ได้อย่างสวยงามและอบอุ่น จนอดคิดถึงว่า บางทีนอกจากตัวละครในหนังจะได้พบตัวเอง และเยียวยาความรู้สึก หนึ่งในคนทำดนตรีประกอบก็ไม่น่าจะต่างกัน

และทำให้ Soul มีสัมผัสแบบเดียวกัน ทั้งนอกจอและในจอ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามที…

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1320 ปักษ์หลัง มกราคม 2564

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.